ถาม : ปฏิบัติเน้นภาวนาจับลมหายใจ รู้ทั้งหมดในอวัยวะแทนพองยุบ อย่างนี้จะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้อยู่..เพราะว่าจริง ๆ แล้วอะไรเกิดขึ้นเรารู้อย่างนั้น แต่ว่าในช่วงที่จิตถอนจากสมาธิมา ควรที่จะหาวิปัสสนาญาณเข้ามาคิด อย่างเช่นวิ่งเข้าไปหาไตรลักษณ์ เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังที่เราทำมาจะโดนดึงไปในด้านของรัก โลภ โกรธ หลง ให้สังเกตว่าถ้าเราหลุดออกมาจากสมาธิเมื่อไร เราจะฟุ้งซ่านอย่างเป็นหลักเป็นฐานมากเลย เพราะกิเลสเอากำลังจากการภาวนาของเราไปใช้
ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ ถึงเวลาจิตสงบ เกิดสภาวะอะไร เรารับรู้ตามนั้น แต่ถ้าสมาธิเริ่มคลายตัวมาเมื่อไร ต้องรีบหาสิ่งดี ๆ มาคิด ไม่อย่างนั้นจะชวนคุณฟุ้งซ่าน สร้างวิมานในอากาศเป็นหลัง ๆ เลย
ถาม : เรากำหนดรู้ สภาพจิตที่นิ่งตลอด สามารถนับชีพจรตัวเองได้เลย
ตอบ : นับชีพจรตัวเองได้เป็นเรื่องปกติ ถ้าจิตเราละเอียด การรับรู้ก็จะละเอียดไปด้วย
ถาม : เรากำหนดแทนลมหายใจได้ ?
ตอบ : ก็ได้..แต่อย่าไปกำหนดจี้ลงที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ เพราะบางทีเราวางกำลังใจผิด ก็จะเป็นการขัดขวางการทำงานอวัยวะภายใน ระบบของอวัยวะภายในจะรวน ถ้ารวนหนักก็ถึงตาย..!
ถาม : ปล่อยตามสบาย ?
ตอบ : ตามสบาย เราจะไปดูที่พองยุบก็ได้ หรือดูอาการรูปที่ปรากฏในจิตก็ได้
ถาม : ถ้าเราเน้นการปฏิบัติ แต่เรายังอยากได้ลาภ ทรัพย์สินเงินทองทางโลกอยู่ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ พระพุทธเจ้าสอนให้ประกอบสัมมาอาชีวะ อย่าลืมว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐีกับนางวิสาขาท่านรวยจนนับเงินไม่ไหว ท่านก็ยังทำมาหากินเป็นปกติ ถ้าได้มาถูกต้องตามศีลตามธรรม ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ทำไปเถอะ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2012 เมื่อ 02:51
|