เมื่อท่านทั้งหลายได้สร้างบุญใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้ ก็คือการประกอบด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยภาวนานั่นเอง ท่านทั้งหลายก็จะสามารถก้าวเข้าไปถึงความเจริญ ในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า เราเป็นผู้ละเว้นจากความชั่วทั้งปวง เป็นผู้ที่กระทำความดีให้ถึงพร้อมทั้งกาย วาจา และใจ
และท้ายที่สุดก็คือเราชำระจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส ก็คือการชำระความโลภด้วยการให้ทาน ชำระความโกรธด้วยการรักษาศีลและเจริญเมตตา ชำระความหลงด้วยการใช้ปัญญา มีสติรู้เท่าทันสภาพความเป็นจริงในร่างกายนี้ ไม่ไปยึด ไม่ไปถืออีก ท่านทั้งหลายก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้ดื่มกินในรสพระธรรม ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้มาเมื่อ ๒,๖๐๐ ปีมาแล้วนั่นเอง
เทสนาวสาเน ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ แลสังฆรัตนะ เป็นประธาน มีบารมีของหลวงปู่สาย อคฺควํโส แห่งวัดท่าขนุนแห่งนี้เป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้เกิดความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูลผลแก่ญาติโยมทุกประการ อาตมภาพรับทานวิสัชนาในโอวาทปาติโมกข์กถา ก็สมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลง คงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์วันมาฆบูชา ณ วัดท่าขนุน
๗ มีนาคม ๒๕๕๕
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2012 เมื่อ 16:05
|