ปกติงานประจำปีของวัดท่าขนุน จะมีมหรสพรื่นเริงต่าง ๆ อาตมาสั่งเลิกไปตอนปี ๒๕๔๔ เมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว เหตุที่สั่งเลิกไปเพราะเวลามีละครพม่า มีหนังกลางแปลง บรรดาพระเณรเดินกันสลอนเลย ปีถัดมาอาตมาก็สั่งพระเณรว่า ทำวัตรเย็นเสร็จแล้วห้ามออกจากกุฏิ ปรากฏว่าพระภิกษุสามเณรใช้วิธีเปิดหน้าต่างแทน เพราะทางด้านกุฏิพระกับสนามซึ่งมีมหรสพนั้นอยู่ด้านเดียวกัน ก็เลยตัดใจว่า ในเมื่อทำให้พระเณรฟุ้งซ่านมากก็อย่าไปมีเลย
ดังนั้น..งานประจำปีวัดท่าขนุนจึงกลายเป็นงานที่เงียบ ๆ ปล่อยให้เจ้าอาวาสพูดอยู่คนเดียว ต้องบอกว่าสมน้ำหน้า มีของเบาแรงได้ดันไม่ให้มี..!
ในเรื่องของงานรื่นเริงต่าง ๆ ความจริงก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าผลเสียนั้นมีมากกว่า เพราะว่ากำลังใจของเราเข้าวัดมาเพราะต้องการความสงบ ความร่มเย็น สำหรับคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ เวลาอาตมามาเจอหนัง เจอละคร เจอดนตรีเสียงดัง ๆ เข้า รู้สึกจะตายเอาให้ได้ โดยเฉพาะวัดไหนเปิดดนตรีดัง ๆ เสียงต่ำกระแทกตึง ๆ อาตมารู้สึกเหมือนโดนใครรุมชกอยู่รอบข้าง ตับไตไส้พุงคลอนหมด จึงทำให้เชื่อว่า ถ้าหากว่าเปิดผิดเวลา เปิดดังเกินไป มีสิทธิ์ทำให้บางคนถึงตายได้เหมือนกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 02:44
|