ถาม : เป็นไปได้ไหมครับว่าคน ๆ หนึ่งยังไม่สิ้นบุญ แต่ว่าต้องมาตายก่อนกำหนด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขายังไปเกิดไม่ได้ เพราะว่ากุศลเก่ายังค้างอยู่ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อครับ ?
ตอบ : บุคคลไม่ได้สร้างบุญอย่างเดียว แต่ว่ามีการสร้างบาปไปด้วย เมื่อถึงวาระบาปหนักในด้านปาณาติบาตมาถึง ต่อให้มีบุญเหลือมากเพียงใดก็ตาม บาปตัวนี้ก็จะมาตัดรอนกำลังบุญนั้นลง ให้ไปรับความชั่วนั้นก่อน เขาเรียกว่า อุปฆาตกรรม
เมื่อถึงเวลายังไม่หมดบุญแต่ต้องตายไป ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องไปรับบาปนั้นก่อน หรือว่าไปรับบุญนั้นก่อน เพราะว่าโดยกฎกติกาแล้วต้องรออายุขัยความเป็นมนุษย์หมดลง ถึงจะไปรับบุญรับบาปนั้นได้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้จึงมีศัพท์เรียกเฉพาะว่า สัมภเวสี คือบุคคลที่เร่ร่อน ยังไม่มีที่ไปอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ในอาการที่เขาเรียกว่า "ตายโหง"
คำว่า "ตายโหง" ส่วนใหญ่เราก็คิดว่าไม่ดี แต่ว่าในทางปฏิบัติแล้ว การตายโหงกลับได้เปรียบ เพราะว่าถ้าหากญาติสนิทมิตรสหายรู้ ทำบุญส่งไปให้ ทำไปเท่าไรเขาก็ได้เท่านั้น มีสิทธิ์โมทนาเต็ม ๆ เลย บ้านเราจะมีการกำหนดเป็นประเพณี พอถึงเวลาก็สวดศพ ๓ วัน ๕ วัน เป็นการทำบุญอุทิศให้กับผู้ตาย แล้วหลังจากนั้นก็มีการทำบุญ ๗ วัน ทำบุญ ๕๐ วัน ทำบุญ ๑๐๐ วัน ทำบุญครบรอบปี ถ้าท่านทั้งหลายเหล่านี้ยังไปรับความดีความชั่วไม่ได้ เมื่อได้รับผลบุญที่อุทิศไป เขามีความสุขความสบายเหมือนกับเทวดาเหมือนกับนางฟ้า เขาก็ไม่ต้องไปทนทุกข์ยากลำบากอยู่ในเขตนั้น รอเวลาหมดอายุขัยความเป็นมนุษย์ก็รับความดีไปเลย
แต่ถ้าหากว่าญาติพี่น้องไม่รู้จักทำบุญให้ เขาก็ต้องร่อนเร่ อด ๆ อยาก ๆ บางทีก็พยายามที่จะไปปรากฏกายเพื่อที่จะเรียกร้องให้ญาติของตนทำบุญให้ ก็โดนกล่าวหาว่ามาหลอกหลอนกันอีก ดังนั้น..คนที่ตายเพราะหมดบุญมีน้อย คนที่ตายเพราะโดนอุปฆาตกรรมมาตัดรอนมีมาก เพราะว่าเราสร้างบุญสร้างบาปสับสนปนเปกันไป กรรมที่เราได้ทำเอาไว้โดยเฉพาะฆ่าคนหรือสัตว์ใหญ่ไว้ มักจะเป็นอุปฆาตกรรมสำคัญที่มาตัดชีวิตของเราก่อนที่จะหมดบุญนั้นลง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:22
|