ดูแบบคำตอบเดียว
  #99  
เก่า 25-04-2012, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,118
ได้รับอนุโมทนา 4,497,484 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาอบรมเด็กหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะพวกวัยรุ่น บอกเขาว่า “พวกเธออยู่ในวัยวิกฤติ เรามักจะคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พ่อแม่มักจะเห็นเราเป็นเด็ก คราวนี้การจะเป็นผู้ใหญ่นั้นจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ? ให้พวกเธอลองพิจารณาดู อันดับแรก ถ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่เราสามารถที่จะอยู่ได้หรือไม่? ” เงียบไปทั้งศาลา

พอถามเข้าจริง ๆ ว่า ใครมั่นใจว่าถ้าพ่อแม่ตายลงวันนี้ แล้วเราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร มียกมือมา ๓ - ๔ คนจากนักเรียนเป็นร้อย ๆ คน สรุปว่าคนที่บอกว่าไม่ต้องพึ่งใครนั่นแหละ เขาหวังพึ่งอยู่แล้ว คิดว่าถ้าพ่อแม่ตายแล้วจะไปอยู่กับใครได้บ้าง ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอก แล้วอาตมาก็พูดไล่ไปเรื่อย เรื่องความอดทน ความเสียสละ ความรู้กาลเทศะ สรุปว่าหาไม่ได้หรอก ฉะนั้น..จงยอมเป็นเด็กเสียเถอะ ยังเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก

“เวลามีปัญหาเกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเลยหรือไม่ ?” เงียบ...สรุปแล้วเด็กมักจะคิดผิด แต่พอเตือนสติขึ้นมาแล้วเขาก็นึกได้ว่า ใช่..เขายังเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้จริง ๆ ข้อที่นึกไม่ถึง ก็คือ เขาบอกว่าผู้ใหญ่หลายคนก็เป็นอย่างนี้ แสดงว่าใหญ่แต่อายุ ใหญ่แต่ตัว ถ้าหากว่าขาดคนให้พึ่งพิงก็เอาตัวไม่รอด

แต่จะว่าไปแล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม การพึ่งพิงคนอื่นเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ให้คนอื่นพึ่งเป็นเรื่องที่สมควร พึ่งพิงคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะว่าการพึ่งพิงคนอื่นไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง ถึงเวลาไม่มีเขาเราก็จะเดือดร้อน

ลักษณะเดียวกับการคิดพิจารณาว่า ถ้าเราตายลงไปตอนนี้เราพร้อมหรือไม่ ? คล้าย ๆ กัน..เราก็มาดูว่าคนที่รักมีหรือไม่ ? ของที่รักมีหรือไม่ ? ทรัพย์สมบัติมีหรือไม่ ? ทั้งหมดนี้เราทิ้งไปเลยได้หรือไม่ ? มีญาติโยมจำนวนมากไม่กล้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา ส่วนอาตมาพลิกชีวิตตัวเองเล่น ๓ - ๔ ตลบมาตลอด ก็เลยสนุกกับชีวิตมาก

เรียนหนังสืออยู่ก็วิ่งมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำงานกับพี่น้องอยู่ดี ๆ ไม่ต้องลำบาก ก็แหกคอกไปทำงานที่โรงงานไทยญี่ปุ่นเมทัลอุตสาหกรรม ทำไปทำมาได้เลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้าแผนก ก็ลาออกมาหางานทำเอง ทำงานกำลังรุ่งก็วิ่งไปเป็นทหาร ทิ้งทุกอย่างไปเรียน จนกระทั่งกำลังรุ่งสุด ๆ ชนิดรับ ๒ ขั้นทุกปีก็ลาออก มาหางานทำใหม่ ทำไปทำมากำลังรุ่ง ๆ อีกก็มาบวช บวชไปบวชมาอยู่วัดท่าซุงจนเป็นเจ้าพ่อ ใครจะทำอะไรต้องมองหน้าอาตมาก่อน ถ้าไม่พยักหน้าเห็นด้วยเขาก็ไม่กล้าทำ แล้วก็ออกมาตกระกำลำบากใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-04-2012 เมื่อ 17:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา