เทศน์ช่วงทำกรรมฐานวันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของเรา จะขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรือนั่งห้อยเท้าก็ได้ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา พร้อมคำภาวนาตามอัธยาศัยที่เราเคยถนัดและชอบใจ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ หลายท่านอาจจะเดินทางมาที่นี่ไม่สะดวก เพราะมีการปิดถนนเพื่ออัญเชิญพระศพของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปยังท้องสนามหลวง เพื่อทำการพระราชทานเพลิงในวันพรุ่งนี้ ถ้าท่านใดต้องการมีส่วนร่วม ไม่กลัวว่าจะเดินทางลำบาก ก็สามารถไปร่วมงานพระราชทานเพลิงครั้งนี้ที่พระเมรุท้องสนามหลวงได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ บรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ก็จะเสด็จไปยังที่นั่น
ท่านใดที่ไม่สะดวก ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ ก็ให้หาข้อมูลดูว่าวัดใดในเขตที่เราอยู่ รับเป็นที่วางดอกไม้จันทน์ถวายพระศพ ก็ให้ไปร่วมงานที่วัดนั้น ส่วนต่างจังหวัดนั้น ทางราชการกำหนดให้วัดของเจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอต้องจัดงานนี้
แม้ว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จะเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ระดับสูงมาก ทั้งยังได้รับการถวายพระเกียรติยศ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสัปตปฎลเศวตฉัตรให้เป็นเครื่องยศสูงสุดด้วย แต่ว่าพระองค์ท่านก็ไม่อาจก้าวพ้นจากความตายไปได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า คนและสัตว์เกิดมาเท่าไรตายหมดเท่านั้น ชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้า ก้าวเข้าไปหาความตายอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นผู้อื่นตาย เราต้องคิดอยู่เสมอว่า เราก็จะตายเช่นกัน
การระลึกถึงความตายทำให้เป็นผู้ไม่ประมาท เมื่อรู้ตัวว่าจะตายก็ต้องสั่งสมบุญกุศลไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อถึงเวลาล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ถ้ายังไม่หลุดพ้น ก็ยังได้อาศัยบุญกุศลนี้ ก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ยิ่งเราเป็นนักปฏิบัติ มีการรักษาศีล นั่งสมาธิภาวนาเป็นปกติ ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่า ความตายนั้นอยู่กับเราทุกลมหายใจเข้าออก
หายใจเข้าถ้าไม่ได้หายใจออกก็ตาย หายใจออกถ้าไม่ได้หายใจเข้าไปใหม่ก็ตาย ไม่ใช่แต่ตัวเราเท่านั้นที่ตาย บุคคลรอบข้างตัวเราตายไปนับไม่ถ้วนแล้ว บรรพบุรุษปู่ย่าตาทวดของเรา ตายซ้ำตายซ้อนมานับไม่ถ้วน คนที่เรารัก คนที่เรารู้จัก ทั้งที่อายุมากกว่า อายุเท่ากัน อายุน้อยกว่า ตายให้เราเห็นเป็นจำนวนมากต่อมาก ความตายนี้ต้องมาถึงตัวเราอย่างแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราจึงต้องสั่งสมบุญกุศลเอาไว้ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นปกติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 03:04
|