พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้าทำบุญบ้านวิริยบารมีวันที่ ๓๑ มีนาคมนะจ๊ะ ถ้าดูไม่ผิดวันที่ ๓๑ มีนาคม น่าจะตรงกับวันอาทิตย์
ปีนี้ญาติโยมมามากกว่าที่คิด ทำให้พระปิดตาหมดภายใน ๓๐ นาที อีกครึ่งหนึ่งที่เข้าแถวอยู่ไม่ได้อะไรเลย เรื่องของวัตถุมงคล มีหลายสำนักซึ่งส่วนใหญ่เป็นสำนักเรียนด้วย กล่าวตำหนิว่าเป็นการทำให้ญาติโยมยึดติด ถ้าว่ากันตามแบบของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านบอกว่า "ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"
แต่ว่าความจริงแล้วเป็นเพราะโบราณาจารย์ท่านมีความเข้าใจสภาพของบุคคล หรือสภาพของพุทธศาสนิกชนมากกว่าคนปัจจุบัน เพราะถ้าใครศึกษามาเกี่ยวกับภาพสถิติของพุทธศาสนิกชน จะเห็นว่ามีลักษณะเหมือนกับพีรามิด หรือว่า ๓ เหลี่ยม ส่วนฐานที่กว้างที่สุด ก็คือบุคคลที่ยึดติดในพิธีกรรมและสิ่งมงคลต่าง ๆ ส่วนตรงกลางคือบุคคลที่พยายามจะศึกษาให้เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาสั่งสอนอะไรบ้าง ส่วนยอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นอย่างแท้จริง
เมื่อเป็นดังนั้น โบราณาจารย์ท่านจำเป็นที่จะต้องหาสิ่งที่มายึดโยงกำลังใจของพุทธศาสนิกชนให้อยู่กับพระพุทธศาสนาจนได้ ก็คือการสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ขึ้นมา การสร้างวัตถุมงคลขึ้นมานั้นมีประโยชน์หลายอย่าง
ประการแรก คือตัวผู้สร้างเองจะต้องทรงความดีในระดับหนึ่ง สมัยก่อนไม่ได้มีเครื่องมือเครื่องไม้ทันสมัยเหมือนอย่างปัจจุบันนี้ แต่ละขั้นตอนของการสร้างวัตถุมงคลก็คือ เขียนด้วยมือ ปั้นด้วยมือ เป็นต้น โดยเฉพาะถ้าหากว่าศึกษาการสร้างวัตถุมงคลด้วยการลบผงวิเศษต่าง ๆ เช่น ผงปถมัง ผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ก็ต้องเข้าสมาบัติ เขียนอักขระ เขียนยันต์ ลบยันต์ เพื่อให้เกิดผง จนกว่าจะได้จำนวนตามที่ต้องการ เท่ากับบังคับว่าเกจิอาจารย์ผู้สร้างนั้น จำเป็นที่จะต้องทรงความดีให้ได้ถึงระดับหนึ่ง จึงจะสามารถสร้างวัตถุมงคลให้เกิดอานุภาพ เกิดความขลังขึ้นมาได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2012 เมื่อ 18:37
|