คำระลึกถึง
อาตมภาพมีความคุ้นเคยนับถือกันกับหลวงตามหาบัว ตั้งแต่คราวไปพักที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒-๘๓ สมัยนั้นหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ไปเรียนนักธรรมเอก และบาลีประโยค ๓ ที่วัดเจดีย์หลวง
วันหนึ่งได้ขึ้นไปกุฏิหลังพระเทพโมลี (พิมพ์ ธมฺมธโร) แล้วก็เห็นพระบัว ญาณสมฺปนฺโน นอนอยู่ ไม่มีมุ้งกลด ต้องนอนตากยุง อาตมภาพได้ถวายมุ้งหลังหนึ่ง ก็รู้จักมักคุ้นกันมาแต่นั้น ท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งมั่นในการศึกษาพระปริยัติธรรม จะเอาเพียงนักธรรมเอกและประโยค ๓ ต่อจากนั้นไปก็จะออกปฏิบัติกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งไปอยู่ศึกษาอบรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ๘ ปี จนได้หลักจิตหลักใจ แล้วมาตั้งวัดป่าบ้านตาด แนะนำสั่งสอนพระเณรและประชาชนจนมีลูกศิษย์ลูกหา เป็นที่เคารพนับถือเลื่อมใสของประชาชนทั่วประเทศ แม้แต่อาตมภาพขณะใดจิตไม่สงบดับจากกิเลส ก็มาปรึกษาหารือกับหลวงตามมหาบัว ท่านก็แนะนำ อันนี้เนื่องจากบุญเก่าได้บันดาลให้มาพบกัน
ปลายปีที่แล้วในระยะหลวงตาอาพาธ อาตมาได้แวะไปเยี่ยมหลายครั้ง ในวันที่หลวงตามหาบัวจะละสังขาร อาตมภาพ ขณะพักจำวัดหลับเคลิ้มไป ก็ปรากฏว่าหลวงตามหาบัวแวะมาหากราบ ๓ ครั้ง ก็พูดว่า “เจ้าคุณฯ ผมมาลานะ” อาตมภาพก็ถามว่า “จะลาไปไหน ?” ท่านบอกว่า “ไปที่ไม่เกิดอีก เพราะชาติสุดท้ายของผม ให้เจ้าคุณอยู่ต่อไป ให้ลูกหลานได้กราบไหว้” แล้วหายไป
ตื่นขึ้นก็จำความฝันได้ชัดเจน เวลาประมาณตี ๔ นาฬิกา ก็ยังนึกอยู่ว่า หลวงตามหาบัว คงไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว ตอนเช้าก็รับทราบว่ามรณภาพ รู้สึกใจหายและรู้สึกอาลัยในการจากไปของหลวงตาเป็นที่สุด ซึ่งอาตมภาพมั่นใจว่า “ท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว” ท่านได้วางแบบอย่างอันงดงาม ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ดำเนินรอยตาม ขอให้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนได้สืบแนวปฏิปทาต่อไป
พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺทาทีโป)
ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธ)
เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง