ท่านแบงก์ เป็นพระใหม่ที่วัดท่าขนุน จบปริญญาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มา ไฟแรงมาก มาปรึกษาว่า “ท่านอาจารย์ครับ..หนังสือวัดเรา ต้องทำเป็นอีบุ๊กอย่างนี้ ๆ ถึงเวลาเอาไปฝากที่ตู้หนังสือ เวลาใครจะมาดูก็โหลดไปเลย ไม่ต้องไปแจกเขาให้เสียเวลา” อาตมาบอกว่า “เออ..ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ว่ะ เอาไว้เดี๋ยวหายเหนื่อยก่อน” ท่านก็รอจังหวะ
พอเห็นว่าอาตมาหายเหนื่อยก็วิ่งมาอีกแล้ว “ท่านอาจารย์ครับ ผมเอาหนังสือที่ผมทำมาเสนอครับ” ท่านก็ทำให้ดูอย่างนี้ ๆ ถึงเวลาก็เปิดในไอแพดได้ทีละหน้า ๆ ให้ดู ว่าต้องไปฝากตู้หนังสือที่นี่ อาตมาจึงถามว่า “ดี..ตอนนี้ทำวัตรเช้าเย็นท่องได้ครบหรือยัง ?” “ยังครับ” “ไปท่องซะ..!”
อีกสองสามวันก็ค่อยมา “ท่านอาจารย์ครับ..ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมฟุ้งซ่านขนาดนั้น ถ้าท่านอาจารย์ไม่ถามว่าทำวัตรเช้าเย็นได้หรือยัง ผมยังฟุ้งไปอีกนานเลย” เห็นหรือยังว่าหลงออกนอกงานตัวเองไปไกลแค่ไหน ? หน้าที่ของพระใหม่ การสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน ทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่ไปฟุ้งซ่านจะทำหนังสือให้กับทางวัด
นั่นต้องบอกว่าท่านเป็นคนรู้ตัวเร็ว โดนแค่นั้นท่านคิดทัน ถ้าเป็นคนอื่นจะคิดทันไหม ? ไปเจอประเภท “ยังครับ..ยังท่องไม่ได้ ผมจะทำหนังสือให้กับท่านอาจารย์ก่อน” ก็บรรลัยสิ..ไม่ดูตัวเอง พระพุทธเจ้าถึงได้กำหนดไว้ว่า พระใหม่ถ้ายังไม่ถึง ๕ พรรษายังต้องถือนิสัย คือรับการอบรมสั่งสอนจากครูบาอาจารย์ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหลงไปไกล สร้างบ้านแปลงเมืองไปเลย
หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชวรเวที วัดราชคฤห์ ท่านนึกถึงขนาดเจาะภูเขาทำกุฏิเสร็จสรรพเลย เวลาทำกรรมฐานนั่งนึกว่าจะปรับถ้ำสักหน่อยหนึ่ง ตรงนี้ทำเป็นห้องโถงปฏิบัติธรรม ตรงนั้นทำเป็นห้องพระ ตรงนั้นทำเป็นหอฉัน นึกเจาะภูเขาเป็นลูก ๆ เลย ท่านบอกว่าคิดได้เป็นคืน ๆ ดังนั้น..เวลาพวกเราโดนหลอกให้คิดนี่ต้องรู้เท่าทัน ถ้าไม่รู้ทันเดี๋ยวก็ได้สร้างวิมานกลางอากาศเป็นหลัง ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2012 เมื่อ 15:01
|