อีกท่านหนึ่งที่ขอยกมาเป็นตัวอย่าง ในเรื่องของความกตัญญูกตเวทิตา ก็คือพระสารีบุตรมหาเถระ พระสารีบุตรมหาเถระได้รับฟังธรรมจากพระอัสสชิมหาเถระ ผู้เป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ว่า เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุง ตถาคโต เตสญฺจะ โย นิโรโธจ เอวํ วาที มหาสมโณ ซึ่งแปลความว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงเหตุแลความดับของธรรมทั้งหลายเหล่านั้น พระมหาสมณะทรงมีปกติตรัสเรื่องทั้งหลายเหล่านี้
เมื่อฟังจบพระสารีบุตรกลายเป็นพระโสดาบัน จึงไปชักชวนพระมหาโมคคัลลานะ พร้อมทั้งบริวารมาบวช จนกระทั่งได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะยิ่งใหญ่ด้วยตำแหน่งปานนั้น พระสารีบุตรมหาเถระเจ้าของเรา ก็ยังคงแสดงความกตัญญูต่อพระอัสสชิเถระเป็นปกติ
เมื่อเวลาจะนอน ท่านจะกำหนดว่าพระอัสสชิเถระขณะนี้อยู่ในทิศไหน แล้วหันศีรษะไปทางทิศนั้น ไม่กล้าหันปลายเท้าไปทางทิศที่ครูบาอาจารย์อยู่ จนกระทั่งท่านที่ไม่เข้าใจ เห็นท่านพินิจพิเคราะห์ทิศ แล้วนอนหันศีรษะตามทิศอยู่ ก็ว่าท่านยังติดหลักของพราหมณ์เรื่องความเชื่อในทิศต่าง ๆ อยู่
จนองค์สมเด็จพระบรมครูต้องยืนยันว่า พระสารีบุตรไม่ได้ถือทิศตามหลักของศาสนาพราหมณ์ หากแต่หันศีรษะไปทางทิศที่พระอัสสชิผู้เป็นอาจารย์อยู่ทางทิศนั้น เป็นการแสดงอาการเคารพต่ออาจารย์เป็นอย่างสูง
และเมื่อราธพราหมณ์ พราหมณ์แก่ปราศจากผู้สงเคราะห์ดูแล ตั้งใจจะบวชในบวรพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามว่า ผู้ใดรู้คุณของพราหมณ์นี้ก็จงให้การบวชเถิด พระสารีบุตรมหาเถระกราบทูลต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ท่านรู้คุณของราธพราหมณ์ที่เคยใส่บาตรแก่ท่าน ๑ ทัพพี ราธพราหมณ์จึงได้บวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา และเป็น ๑ ในมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะ คือมีความเป็นเลิศในทางว่านอนสอนง่าย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2012 เมื่อ 02:37
|