หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง วัน ๆ ท่านก็เอาแต่ทำไร่ไถนา พูดง่าย ๆ คือ เช้าขึ้นมาก็จูงวัวออกไปนา ไปทำไร่ไถนาสนุกสนาน ชาวบ้านเขาก็นินทาเอา พอเรื่องโจทก์เข้าไปถึงพระสังฆาธิการผู้ใหญ่แล้ว ก็เกิดเป็นอธิกรณ์ขึ้นมา ทางคณะสงฆ์ก็ต้องส่งพระวินยาธิการไปสอบ
ไปถึงก็เห็นหลวงพ่อแช่มกำลังไถนาอยู่กลางนา หลักฐานคาตาเลย
พระวินยาธิการเข้าไปถึงถามว่า
"เป็นพระเป็นเจ้าท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร ?"
หลวงพ่อแช่มบอกว่า
"พระพุทธเจ้าบอกว่า สิ่งใดก็ตามที่ญาติโยมมีศรัทธาอยู่ ถ้าหากเราทำสิ่งนั้นให้เจริญงอกงามขึ้นมาก็รักษาศรัทธาไทยให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ผู้ที่ไม่เลื่อมใสก็จะเลื่อมใส ผู้ที่เลื่อมใสแล้วก็ยิ่งเลื่อมใสขึ้นไป"
พระวินยาธิการท่านก็ถามต่อว่า
"แล้วท่านทำตรงไหน ?"
หลวงพ่อแช่มท่านก็บอกว่า
"ที่ผืนนี้โยมเขาถวายมาให้เป็นที่กัลปนา คือเป็นที่ที่ให้วัดหาดอกผลจากพื้นที่ได้ เพื่อเอาเงินไปบำรุงวัด เขาให้มาแล้วถ้าผมปล่อยมันรกเป็นป่าไปเฉย ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ผมก็ทำนาถึงเวลามีข้าวมาผมก็เอาเลี้ยงพระ ถ้าหากว่ามีเหลือเฟือ ผมก็ขายเอาเงินมาช่วยสร้างวัดซ่อมแซมวัด"
ข้อหานี้ตกไป
พระวินยาธิการท่านบอกต่อว่า
"เขาว่าท่านไม่ยอมทำกิจของสงฆ์ สวดมนต์ทำวัตร อะไรไม่เอาเลย"
หลวงพ่อแช่มท่านบอกว่า
"ผมเอานะครับ"
พระวินยาธิการท่านบอกว่า
"ก็ชาวบ้านเขาฟ้องมาอย่างนั้น" หลวงพ่อแช่มก็เลยสวดปาฏิโมกข์ให้ฟังตรงนั้นเลย
ปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อ คนสวดเก่ง ๆ ใช้เวลา ๓๐ - ๔๐ นาที หลวงพ่อแช่มท่านสวดเดินหน้าเสร็จ แล้วก็สวดถอยหลังให้ฟังอีกต่างหาก เอาไหมล่ะ..? ๒๒๗ ข้อ ว่าขึ้นหน้าแล้วถอยหลังให้อีก ตกลงพระวินยาธิการ ๒ รูปนั้นต้องกราบแล้วกราบอีกก่อนจะกลับ
น่าเสียดายพระแท้พระเก่งอย่างนี้ พอมาถึงสมัยนี้ท่านก็ล่วงลับดับขันธ์กันไปหมด
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕