"รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์ว่า ประวัติวีรบุรุษไซร้ เตือนใจ เรานา เพราะฉะนั้น..การอ่านประวัติหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีคุณความดีเป็นที่เคารพนับถือของคนหมู่มากแล้ว ทำให้เกิดความอยากที่จะเดินตามรอยของท่านทั้งหลายเหล่านั้น
ความจริงหนังสือเหล่านี้ควรจะสนับสนุนให้มีให้มาก ๆ เข้าไว้ แต่บางทีระบบต่าง ๆ ตลอดจนการค้ากลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นไปเสีย อาตมาเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมปีที่ ๑ สมัยก่อนเขาย่อว่า ม.ศ. สมัยนี้เหลือแค่ ม. ตอนนั้นได้อ่านประวัติหลวงปู่มั่นที่หลวงตามหาบัวเขียนขึ้นมาครั้งแรก อ่านรวดเดียวไม่ยอมกินข้าว ต้องอ่านให้จบก่อน อ่านเสร็จแล้วปฏิญาณตนเลยว่า ถ้าอาตมาจะบวชต้องมีครูบาอาจารย์อย่างนี้
พอดีที่บ้านอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยสงฆ์กำแพงแสน ซึ่งเป็นสายธรรมยุติอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้ล้วนมีวัตรการปฏิบัติที่ค่อนข้างเคร่งครัด คนเห็นก็เกิดความเลื่อมใสได้ง่าย เวลามีงานท่านก็ไปช่วยเหลือกัน พออาตมาเรียนจบ ม.ศ.๓ ในสมัยนั้น เข้ากรุงเทพฯ มาทำงาน ปรากฏว่าโยมแม่เคารพนับถือในตัวหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สุขุมวิทซอย ๑๐๑ อาตมาก็ตามโยมแม่ไปวัด ที่วัดธรรมมงคลจะมีงานสวดลักขี ก็คือสวดอิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปะฏิปันโนฯ ๑ แสนจบทุกปี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2012 เมื่อ 13:37
|