"พระมหานิกายของเรายังขาดตรงจุดนี้อยู่มาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะต่างคนต่างทำ ทำให้ความเหนียวแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่ค่อยมี ญาติโยมบางท่านไปทำบุญวัดอื่น พอกลับมาเล่าให้ฟัง ปรากฏว่าโดนทางวัดเดิมด่าส่งไปเลยก็มี
ทำให้เห็นว่าในเรื่องของการปฏิบัติของมหานิกายนั้น ว่ากันตามตรงก็คือ ยังสู้เขาไม่ได้ ถึงแม้จะสู้เขาไม่ได้ แต่ของเราก็มีจำนวนที่มากกว่าและมีหลวงปู่หลวงพ่อที่มีความรู้ความสามารถอยู่มาก ยังเป็นที่พึ่งของความส่วนใหญ่ได้ แต่ถ้ามีการส่งเสริมเชิดชูช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ศาสนาพุทธของเราก็จะมีความเจริญมากกว่านี้
ไม่อย่างนั้นบางวัดแทบจะโดนปล่อยเกาะเลย บรรดาพระภิกษุสามเณรในอาวาสบางทีก็เหลือสภาพพระเณรน้อยเต็มที ถ้าจะแก้ไขก็ต้องแก้ไขทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ผู้ใหญ่ข้างบนดำเนินการเป็นตัวอย่าง แล้วก็ยึดถือเป็นแนวนโยบาย ถ้าหากว่ายึดถือเป็นนโยบายในสายการปกครอง คนที่ไม่ทำตามจะกลัวว่าไม่มีโอกาสโต ก็ต้องทำจนได้
เพราะฉะนั้น..บางอย่างอาจจะต้องใช้วิธีบังคับเอาตามนโยบายการปกครอง แต่ก็ต้องรอพระผู้ใหญ่ที่ท่านกล้าจะแหวกธรรมเนียมปัจจุบันนี้ให้มีความต่างออกไป แต่ให้เป็นไปตามหลักธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือปฏิบัติในสาราณียธรรม เมตตาต่อกันด้วยกาย เมตตาต่อกันด้วยวาจา เมตตาต่อกันด้วยใจ แบ่งปันลาภผลให้แก่ผู้อื่น เป็นต้น
ถ้าหากว่าสามารถทำได้ ศาสนาอื่นจะล้มศาสนาของเรายาก แต่ถ้ายังปล่อยให้ต่างคนต่างทำ หรือว่าทำเป็นแค่กลุ่มเล็ก ๆ อยู่ ก็จะเป็นอะไรที่เหมือนกับไม้ รวมกันแล้วเป็นมัดเล็กอยู่ ก็ยังมีโอกาสโดนหักทิ้งได้ แต่ถ้ารวมเป็นมัดใหญ่ได้ ต่อให้เขาออกแรงเท่าไรก็หักไม่ลง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2012 เมื่อ 13:35
|