พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "พออาตมาเรียนจบประดับประกาศนียบัตร อาตมาได้เป็นตัวแทนของภาค ๑๔ ซึ่งมี ๔ จังหวัด ก็คือ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร ขึ้นไปอภิปรายร่วมกับนักศึกษาของห้องเรียนภาคอื่น
อาจารย์ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่า การที่เขาจัดหลักสูตรมา มีประโยชน์ไหม ? อาตมาจึงสับเสียเละ..บอกว่า "ไม่เห็นประโยชน์ตรงไหนเลย เรื่องของพระภิกษุสามเณรของเรา ถ้าสอนให้เขาละชั่วกลัวบาป รักศีลของตัวเอง ทุกอย่างก็จบแล้ว การที่ไปเอาวิชาการสมัยใหม่เข้าไปมาก ๆ ขออภัยเถอะ..ผมไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง ท่านกำลังบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ กำลังล้มล้างสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้แล้ว..!" ตอกเขาเละเป็นโจ๊กไปเลย
จนกระทั่งท้ายสุด ผู้อำนวยการหลักสูตรยกมือขอขึ้นมาชี้แจง อาตมาจึงบอกไปว่า "สิ่งที่เรียนไปนั้น จริง ๆ แล้วมีประโยชน์ เพราะว่าสามารถนำไปต่อความรู้ชั้นสูงขึ้นไปได้ แต่ว่าเราต้องไม่ลืมสถานภาพของตัวเองว่าเป็นนักบวชอยู่ หน้าที่ของนักบวชคืออะไรเราต้องทำให้สมบูรณ์ เรื่องทางโลกถ้าเรารู้ก็สามารถที่จะคุยกับญาติโยมให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น การเผยแผ่ธรรมก็จะสะดวกขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน..เรื่องของทางธรรมเป็นหน้าที่โดยตรงของนักบวช เราจะทิ้งไม่ได้ และต้องยึดไว้เป็นหลักเลย"
ท้ายสุดอาจารย์เขาสรุปว่า "อยากพูดแบบท่านนั่นแหละครับ แต่ผมพูดไม่ถูก ว่าที่ตั้งใจให้เรียนก็เพื่ออย่างนี้" อาจารย์เขาไปพูดในเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของเทคโนโลยี ซึ่งทำให้เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 09-04-2020 เมื่อ 16:52
|