แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งก็เริ่มตายด้าน รถออกมาเต็มถนนเหมือนเดิม รถรุ่นใหม่ออกมาเมื่อไรมีป้ายแดงวิ่งบนถนนทันที นี่เป็นนิสัยของคนไทย เรียกว่าไม่รู้จักเข็ด..! โดยเฉพาะอัตราการสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศติดระดับล้านล้านบาทแล้ว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงถึงขนาดเป็นล้านล้านบาทนี่ ประชากรเขาต้องมีมากกว่าเราหลายเท่าตัว แต่บ้านเราประชากรแค่ ๖๐ กว่าล้านคน มีอัตราการใช้เงินเพื่อซื้อหาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศถึงระดับล้านล้านบาทนี่น่ากลัวมาก
ดังนั้น..ถ้าญาติโยมถามว่าที่รัฐบาลขึ้นราคาทั้งแก๊สและน้ำมัน มีความเห็นว่าอย่างไร ? อาตมาบอกว่าสมควรและน่าจะขึ้นให้มากกว่านี้ เพราะว่ารอบบ้านของเราน้ำมันแพงทั้งนั้นเลย ยกเว้นพม่าที่ผลิตน้ำมันได้เอง แต่ถึงพม่าผลิตได้เองก็ขายแพง เขาจะมีราคาควบคุมเฉพาะอยู่ในสถานบริการน้ำมัน
ตอนช่วงที่อาตมาไปพม่านั้น น้ำมันในสถานบริการของรัฐบาลแกลอนละ ๑๘๐ จั๊ต รถคันไหนเข้าไปเขาก็ลงปันส่วนให้ ๑๐ แกลลอน ได้วันละแค่นั้น แต่จ่ายจริง ๆ ก็ ๓ - ๕ แกลลอน แล้วแต่รถใหญ่หรือรถเล็ก แล้วที่เหลือล่ะ ? ที่เหลือก็เอาไปจำหน่ายที่สถานบริการเถื่อนใกล้ ๆ กันนั้นแหละ ถ้าไปแถวสถานบริการเถื่อนเจอราคาอย่างต่ำ ๆ ก็ ๓๕๐ จั๊ต แพงขึ้นไปเป็นเท่าตัว ถ้าใครต้องการมากกว่าส่วนที่ได้ ก็ต้องไปยอมเสียเงินให้สถานบริการเถื่อน
ดังนั้น..น้ำมันของพม่าแม้ว่าผลิตได้เอง แต่ก็ยังต้องใช้ของแพงอยู่ดี ความร่ำรวยก็ไปอยู่ที่บรรดาผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ต่างคนต่างกอบโกยใส่กระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นวิสัยของปุถุชนทั่วไป ที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง หาคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมได้ยาก ต่อให้มีจิตสำนึกต้องการจะทำเพื่อส่วนรวม แต่พอไปอยู่ร่วมกับคนอื่นนาน ๆ เข้า สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อชีวิต และท้ายสุดก็จะลืมความตั้งใจของตัวเอง กลายเป็นทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องเหมือนกับคนอื่นเขา
จะว่าไปแล้วบ้านเราก็ยังไม่เลวร้ายเกินไป ถ้าเปรียบกับบางประเทศรอบ ๆ ด้านของเรา แต่ว่าในเรื่องของความเจริญนั้นเราจะไม่ทันใครแล้ว อย่าลืมว่ารอบบ้านของเรา มาเลเซียและสิงค์โปร์ ปัจจุบันนี้เป็นประเทศที่พัฒนาไปแล้ว ลาวกับเขมรมีโทรศัพท์ "3G" แล้ว พม่ากำลังเปิดประเทศ นักลงทุนต่างชาติดาหน้ากันเข้าไปเพราะค่าแรงถูกและคนขยันขันแข็ง เผลอ ๆ ลาวกับเขมรจะแซงบ้านเราไปอีก
บ้านเราสิ่งที่สมควรที่สุดคือความสามัคคีกัน โดยเฉพาะรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทำอย่างไรถึงจะช่วยกันสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ว่าปัดแข้งปัดขากันอยู่ตลอด บ้านเราเป็นเมืองพุทธแท้ ๆ แต่ว่าแทบจะไม่ได้ใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิตเลย ก่อนหน้านี้เขาบอกว่า "การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร" ปัจจุบันนี้ถึงขนาด "ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ" กันไปเยอะแล้ว มาสรุปมารวมตรงที่ว่าเด็กรุ่นใหม่น่ากลัวมากว่าจะอยู่กันได้อย่างไร ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-02-2012 เมื่อ 17:22
|