ถาม : ตอนท่านออกป่า ท่านสมาทานธุดงค์ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เคยสมาทาน เดี๋ยวเทวดาเหยียบเอา เพราะอาตมาไม่เคร่ง แต่ก็ไปได้นานกว่าพวกที่สมาทานอีก
ถาม : ที่ว่าไม่เคร่งนี่คือในส่วนของอภิสมาจารหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ในส่วนของการฉัน เพราะว่าอาตมาเองฉัน ๒ มื้อ ส่วนหลวงตาโมเช่ท่านเกรงใจ ท่านจึงไม่ฉัน ๓ มื้อ แต่ฉัน ๒ มื้อตาม ทั้งที่ท่านเป็นตาฤๅษี
ถาม : ท่านฉันพวกผักอย่างเดียวหรือครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่กะเหรี่ยงก็ถือในลักษณะของกินเจอยู่แล้ว ไปป่ากันเป็นเดือน ออกมานี่ไม่รู้ว่าผอมหัวโตกันขนาดไหน กินแต่ผักแต่หญ้า มีอยู่ช่วงหนึ่งเดินอยู่ ๒-๓ วัน มีแต่ป่าชะอมไปตลอดทาง
ด้วยความที่อาตมาเป็นเด็กชาวบ้านมาก่อน ก็คิดว่าชะอมเป็นพืชยืนต้น แต่จริง ๆ แล้วชะอมเป็นไม้เลื้อย อยู่ในป่าต้นใหญ่ขนาดขาอ่อน เลื้อยเต็มภูเขาเลย แต่ตามบ้านที่เห็นเป็นไม้ยืนต้นเพราะโตไม่พอให้เลื้อย โดนเด็ดยอดอยู่เรื่อย
ตอนช่วงนั้นอาตมาเดินจากทุ่งใหญ่ขึ้นไปอุ้มผาง ๓ วันอยู่แต่ในดงชะอมไม่ได้ไปไหนเลย อะไรจะขึ้นได้เป็นดง ๆ ขนาดนั้น แบบเดียวกับผักหวานป่า ผักหวานป่านี่ถ้ามีต้นแม่อยู่บนยอดเขา เนินเขานั้นทั้งลูกจะเป็นผักหวานป่าหมด เพราะเวลาเม็ดตกก็ขึ้นไปเรื่อย
ตอนนั้นกินชะอมจนหน้าจะเป็นหนามอยู่แล้ว พอวันที่ ๓ คงจะทำหน้าเบื่อโลกเต็มที หลวงตาโมเช่ท่านก็บอกว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เปลี่ยนผักแล้ว" พรุ่งนี้จะพ้นเนินเขานั้นแล้ว อะไรก็พอกินได้ แต่ผักชะอมฉุนจะตาย ต้องทนกินอยู่ตั้ง ๓ วัน
แต่ไปกับท่านโมเช่นั้นดีอยู่อย่างหนึ่ง เจออะไรที่กินได้ท่านจะเก็บใส่ย่ามไปเรื่อย ท่านบอกใบนั่นกินได้ หน่อนี่กินได้ ดอกนั่นกินได้ บางทีหุงข้าวแล้วอาตมานั่งเฝ้าหม้อข้าวอยู่ ท่านก็เดินหายเข้าป่าไป พักหนึ่งได้ผักมาเป็นหอบเลย ท่านบอกว่าอย่างนี้ต้องต้ม อย่างนี้ต้องเผา แต่ก็แปลก..ผักบางประเภทเวลาเคี้ยวใบสด ๆ เข้าไปแล้วโดนยางกัดปาก เพราะเป็นกรด แต่พอเผาแล้วกลับอร่อย
อาตมาเองอยากรู้ว่ากินวิธีอื่นได้หรือเปล่า ? ก็เลยลองจนท่านโมเช่โกรธ ท่านบอกว่าลูกผักหวานกินไม่ได้ กินแล้วตาย อาตมาลองชิมดู..อร่อยนี่หว่า..!
พอแกะออกหน้าตาเหมือนเม็ดบัว แต่กรอบเหมือนแห้ว กินไปเป็นหอบ ๆ เลย กินเสร็จก็เดินยิ้มย่องผ่องใส แต่ปากคอชาไปหมด แสดงว่าเป็นพิษจริง ๆ ท่านโมเช่เดินไปบ่นไป มาด้วยกันไม่เชื่อกัน แล้วจะไปด้วยกันทำไม ? เขาไม่เคยเห็น คนอื่นที่บอกว่ากินแล้วตายยังตั้งหน้าตั้งตากิน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2012 เมื่อ 18:21
|