ดูแบบคำตอบเดียว
  #112  
เก่า 20-01-2012, 13:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันอาทิตย์ช่วงเช้า ๆ คนจะน้อย เพราะส่วนใหญ่แล้วเขาจะตื่นสาย เห็นเป็นวันหยุด แต่อาตมานี่ไม่ว่าจะวันหยุดหรือไม่หยุดก็ตื่นสายไม่ได้ เป็นตายอย่างไรก็จะตื่นให้ได้ ๐๑.๓๐ น.-๒.๐๐ น. ก็ตื่น เพราะเป็นความเคยชิน

ตอนเด็ก ๆ ครอบครัวคนจีนเริ่มทำงานตั้งแต่เช้ามืด พอมาฝึกกรรมฐานก็ต้องรีบตื่นเพื่อที่จะได้มีเวลาพอฝึก ก็เลยกลายเป็นความเคยชินที่ตื่นสายกับใครเขาไม่เป็น เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องตื่นขึ้นมาทำกรรมฐานให้ได้

สมัยที่หนักที่สุดก็คือตอนเรียนทหาร ช่วงฝึกยุทธวิธีรบเวลากลางคืน ช่วงนั้นเป็นเดือน ๆ ต้องตื่นตี ๕ กว่าจะได้นอนก็ ๓ ทุ่ม พอ ๔ ทุ่มก็มีเสียงเป่านกหวีดเรียกให้ตื่นไปฝึก จนตี ๒ ตี ๓ แล้วค่อยนอน ตี ๕ ตื่นใหม่ เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก็ยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาฝึกกรรมฐานได้

เพราะรู้ว่าถ้าเราไม่ฝึกตอนนี้ เวลาอื่นก็ไม่แน่นอน แม้ว่าสมัยนั้นจะสามารถวิ่งไปภาวนาไปได้ แต่กำลังใจไม่นิ่งเหมือนตอนที่นั่งภาวนา เป็นสมาธิแน่นไม่ได้ เพราะว่าถ้าสมาธิแน่นจะทำให้วิ่งไม่ออก อาตมาวิ่งภาวนาได้ก็จริง แต่สมาธิยังไม่ใช่ระดับฌานใช้งาน เป็นได้แค่อุปจารสมาธิ จึงต้องมานั่งฝึกให้สมาธิทรงตัว แต่ก็ดีตรงที่ทำให้มีกำลัง แม้ว่าจะนอนน้อยแต่ก็ยังไปได้เรื่อย

ขนาดนั้นก็ยังเคยยืนหลับ ทหารเขาฝึกท่าอาวุธ เวลาครูฝึกสั่งเรียบอาวุธ อาตมาก็ลดปืนลงจากบ่าตามขั้นตอน แต่พอจังหวะเข้าร่องไหล่ดันตัดหลับเฉยเลย

โดนครูฝึกตะโกนกรอกหูว่า “เฮ้ย..อย่าเหม่อสิวะ!” ถึงได้สะดุ้งเฮือกขึ้นมา แสดงว่าเวลาร่างกายเพลียมาก ๆ จะตัดหลับเอง ยืน ๆ อยู่ก็หลับได้ ถึงได้รู้ว่าหลับในเป็นอย่างไร หลับใน..เพราะข้างในไม่รับรู้..หลับไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2012 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา