"เขาไปลักษณะเหมือนกับโดนเจ้าคณะตำบลหลอกใช้ คือรู้ว่าความประพฤติไม่ดี แต่ถ้าตัวเองหาเจ้าอาวาสไม่ได้ก็อาจจะบกพร่อง โดนพิจารณา เขาก็เลยทำตราตั้งโดยไม่มีลายเซ็น ให้ไปเป็นเจ้าอาวาส เป็นตราตั้งที่ไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะไม่มีลายเซ็นเจ้าคณะตำบล โดยที่เขาบอกว่าบริหารงานให้ดีแล้วเขาจะเซ็นให้ เข้าใจแหกตามากเลย..!
พอชาวบ้านเขาไม่เอา เขาก็มาขอพระจากอาตมาไป อาตมาจึงส่งพระครูน้อยไป ทางด้านนั้นก็ไม่ยอม..ประท้วง “ผมจะรวมชาวบ้านมาขับไล่” อาตมาบอกว่า “ดี..รีบไปรวมมา” พอชาวบ้านมากันครบ อาตมาก็ประกาศบอกผู้ใหญ่บ้านว่า “เอ้าโยม..ลงคะแนนมา จะเอาเจ้าอาวาสใหม่หรือจะเอาเจ้าอาวาสเก่า” ปรากฏว่าทุกคนเอาเจ้าอาวาสใหม่ เจ้าอาวาสเก่าจึงเฉาไปเลย
อาตมาบอกว่า "คุณไม่ได้มีอำนาจอะไรตามกฎหมายเลย เพราะตราตั้งก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง การรายงานขึ้นไปเพื่อให้ทางคณะสงฆ์รับรองให้เป็นเจ้าอาวาสอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มี แต่เจ้าอาวาสใหม่ตราตั้งอยู่นี่ ผมเพิ่งจะเซ็นตั้งเมื่อครู่นี้เอง"
คราวนี้พอพระครูน้อยท่านอยู่ไปนาน ๆ แล้วเหนื่อย การเป็นเจ้าอาวาสนี่เหนื่อยมาก ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง โบราณท่านใช้คำว่าสมภาร (สม+ภาระ เสมอด้วยงาน) พูดง่าย ๆ ก็คือไปแบกภาระทุกอย่างในวัด ท่านก็เลยลาออก
หลังจากพระครูน้อยออก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชาวบ้านยังไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอาวาสใหม่เลย ทุกคนรู้ว่ามีการแต่งตั้ง แต่เจ้าอาวาสใหม่ไม่เข้าไป เพราะทางไกลและลำบากเขาก็ไม่ไป แต่งตั้งตัวเองเอาไว้เพื่อเอาอาวุโสและกินเงินเดือนเฉย ๆ เงินเดือนเจ้าอาวาสก็แค่ ๑,๕๐๐ บาท แต่ก็ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ
ก่อนหน้านี้หลายสิบปี เงินเดือนเจ้าอาวาส ๕๐๐ บาท เพิ่งจะมาขึ้นเงินเดือนเมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนสมัยนั้นเจ้าคุณสามัญอย่างหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนที่ท่านเป็นพระสุธรรมยานเถระ เงินเดือน ๔๔๐ บาท เจ้าอาวาสได้ ๕๐๐ บาท สมเด็จพระสังฆราชเงินเดือน ๓,๐๐๐ บาท เพิ่งจะมาปรับในยุคหลังนี่เองไม่กี่ปี
มาช่วงรัฐบาลคุณทักษิณจะปรับเงินเดือนให้เจ้าอาวาส ๓,๓๐๐ บาท โดยเอาฐานแนวคิดจากการส่งคนไปนั่งกินข้าวในตลาด สรุปว่าคนหนึ่งถ้ากินแล้วอิ่มพอดี มื้อละ ๕๕ บาท พระฉัน ๒ มื้อ ๑๑๐ บาท คูณ ๓๐ ได้ ๓,๓๐๐ บาทพอดี แต่ไม่สำเร็จ เสนอเรื่องไปแล้วโดนตีหงายท้องกลับมา เขาให้แค่ ๑,๕๐๐ บาท แต่ก็ยังดี..งอกเพิ่มมา ๑,๐๐๐ บาท ไม่อย่างนั้นก็ได้แค่ ๕๐๐ บาทเท่าเดิม"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-01-2012 เมื่อ 15:44
|