ดูแบบคำตอบเดียว
  #127  
เก่า 26-12-2011, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,386
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,237 ครั้ง ใน 35,989 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วาระที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิด จะต้องเป็นกัปต่าง ๆ ที่เป็นมงคลเท่านั้น ถ้าเป็นสารกัป จะเป็นกัปที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๑ พระองค์ อย่างเช่น องค์สมเด็จพระพุทธโกณฑัญญะสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ เป็นต้น

ถ้าเป็นมัณฑกัป จะเป็นกัปที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๒ พระองค์ ถ้าเป็นวรกัป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๓ พระองค์ ถ้าเป็นสารมัณฑกัป มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๔ พระองค์ ถ้าเป็นภัทรกัป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๕ พระองค์

ช่วงที่เราเกิดอยู่ปัจจุบันนี้เป็นภัทรกัป ๒ ภัทรกัปต่อเนื่องกันพอดี ไม่มีอีกแล้ว..ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ เพราะฉะนั้น..ใครที่เกิดในโลกยุคนี้ถือว่าโชคดีที่สุดและซวยที่สุด โชคดีที่สุดก็คือ พระพุทธเจ้ายังจะมาตรัสรู้อีก ๖ พระองค์ ถ้าไปนิพพานไม่ได้ก็เอาหัวทิ่มลงอเวจีไปเลย ไม่ต้องขึ้นมาอีก..! ส่วนที่ซวยที่สุดก็คือ ถ้าไม่สนใจในเรื่องของบุญกุศล ถึงเลย ๖ พระองค์ผ่านไป ก็ไม่รู้จะได้เห็นธรรมกับเขาบ้างหรือเปล่า ?

ถ้าอยากทราบรายละเอียดพวกนี้ไปดูในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ก็ได้ หรือไม่ก็ไปดูในพระไตรปิฏก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ก็ได้ เขาจะให้รายละเอียดเอาไว้ แล้วก็ยังมีในพระสุตตันตปิฏก มหาปทานสูตร ไปอ่านดูแล้วจะมีความมันในชีวิตมาก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นี่ยิ่งกว่าวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกหลายเท่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2011 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา