คาดว่าทุกคนที่ได้กสิณ ๑๐ สามารถทำได้ทุกคน เพียงแต่ว่าเคล็ดลับของการทำนั้น พระเกจิอาจารย์ทางอยุธยาคล่องตัวกว่า อาจจะเป็นเพราะอยุธยาเป็นเมืองน้ำ ไปไหนก็ต้องแจวเรือไป พอไม่มีอะไรเล่นก็เล่นกับน้ำ เล่นกับปลา
หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา คนเห็นว่าท่านเป็นหลวงตาแก่ ๆ ผ้าผ่อนไม่นุ่ง นุ่งสบงอย่างเดียว เอาแต่นั่งตีฆ้องสวดมนต์ กุฏิท่านอยู่กลางนา กลางคืนฝนตกชาวบ้านก็ออกตีกบกัน พอหนาวขึ้นมาก็มาผิงไฟใต้กุฏิ หลวงพ่อกบก็ถามว่า "ได้กบหรือยัง ?" "ยังไม่ได้เลยครับ" หลวงพ่อกบบอกว่า "ทุด..พวกมึงหากบไม่เป็น มา..เดี๋ยวกูตีให้เอง"
ท่านคว้าไม้และคบไต้ไป เสียงตีป้าบ ๆ พักเดียวได้กบมาเป็นตะข้อง "พวกมึงเอาไปแบ่งกัน" ชาวบ้านเอาไปต้มไปแกง พอกินเสร็จเหลือก็เทใส่กะละมังครอบไว้ รุ่งเช้ามาเปิดดูมีแต่ใบสะแกทั้งนั้น..! เขาจึงเรียกท่านว่าหลวงพ่อกบ ชื่อจริงชื่ออะไรไม่รู้ แต่เรียกท่านว่าหลวงพ่อกบ
ท่านเป็นพระที่ยิ่งกว่าเป็นพระ ที่ท่านต้องทำตัวอย่างนั้นเพราะว่าท่านมีเวรมีกรรมผูกพันกับสถานที่ตรงนั้น คราวนี้ทางการเขาตัดสินว่าเป็นวัดร้าง จึงให้ท่านย้ายไปจำพรรษาที่อื่น แต่ท่านไม่ยอมไปเพราะยังไม่หมดวาระกรรม เมื่อท่านไม่ยอมไป ท่านก็ถอดจีวรให้เขาไป บอกว่าฉันสึกก็แล้วกัน ท่านก็อยู่ของท่านไปเรื่อย บางทีท่านก็นุ่งกางเกงตัวเดียว
ความจริงท่านก็คือพระดี ๆ นี่แหละ ท่านอยากจะอยู่ตรงนั้น ไม่อยากไปที่อื่น ก็ต้องทำให้เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่พระ จะได้ไม่มายุ่งด้วย วันดีคืนดีก็ไปนอนอยู่กลางทุ่ง ชักจีวรคลุมโปงอยู่ ๗ วันก็ลุกขึ้นมากลับวัด ต้องบอกว่าเด็กเลี้ยงควายแถวนั้นโชคดี เจอหลวงตาเดินเปะปะมา มีข้าวมีน้ำก็ถวายหลวงตา ดวงเฮงจริง ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2011 เมื่อ 19:28
|