ดูแบบคำตอบเดียว
  #89  
เก่า 21-12-2011, 16:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,382
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,234 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บุคคลแต่ละคนมีพื้นฐานจิตใจไม่เหมือนกัน เมื่อเข้ามาปฏิบัติธรรมก็ค่อย ๆ ฝึกฝนกล่อมเกลาไปเรื่อย ๆ ลองมานึกดูว่าคนเราเหมือนกับลูกเต๋าลูกหนึ่ง มาถึงก็วางทื่ออยู่ตรงนั้นเลย พอนานไป ค่อย ๆ ฝน ค่อย ๆ ลบ เกลาไปเรื่อย ๆ เหลี่ยมก็น้อยลง..น้อยลง ค่อย ๆ กลม กลิ้งจนเคลื่อนที่ได้ จนกระทั่งกลมเต็มที่ คราวนี้จะกลิ้งไปไหนก็ได้

การปฏิบัติธรรมพอถึงระดับนั้นก็เหมือนกับหยาดน้ำบนใบบัว ก็คือกลิ้งไปกลิ้งมาแต่ไม่ติดอยู่กับใบบัวนั้น นั่นคือสภาพจิตที่ประกอบไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องกันเราไม่ให้ยึดติดอยู่กับโลก ถ้าหากว่าถึงระดับนั้นก็มีโอกาสการก้าวถึงความหลุดพ้นได้

แต่ถ้ายังขัดเกลาตัวเองไม่พอ ยังเป็นเหลี่ยมเป็นมุมอยู่ ก็จะขัดตาอย่างบางคนที่เราเห็น แล้วก็พาให้ขัดใจ เราก็เสียเองเพราะใจเราหมองเอง เพราะเราดันไปคิดว่าเราดีกว่าเขา โดนกิเลสหลอกเอาเต็ม ๆ"

ถาม : ถ้าคนที่เข้ามาทางพระไม่นาน แต่คิดว่าตนเองเป็นพระอนาคามีแล้ว ?
ตอบ : เขาอาจจะเป็นจริง หรือไม่เขาอาจจะหลงตัวเอง เพราะว่าการเข้าถึงธรรมไม่ได้อยู่ที่ระยะเวลา แต่อยู่ที่ สติ สมาธิ ปัญญา ที่สั่งสมมา ถ้าเขาสั่งสมมาได้ที่ เข้ามาได้เลยก็มีเหมือนกัน

ถาม : พระอนาคามีต้องไม่มีการเหยียดหยามผู้อื่น ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้จริงอย่าไปตั้งกติกาอย่างนั้น เขาอยากเป็นก็ให้เขาเป็นไป อาจจะเป็นพระอนาคามีของเขา แต่ไม่ใช่พระอนาคามีในแบบของพระพุทธเจ้าก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2011 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา