ถาม : ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ๑๐ วัน แบบมหาสติปัฏฐาน ยุบหนอพองหนอ ประมาณวันที่ ๕ มีสภาวธรรมเกิดขึ้น รู้สึกว่าใจเป็นสุข สนุกกับการได้กำหนด ความคิดเรื่องอื่น ๆ ไม่ปรากฏ บางทีเผลอคิดบ้างแต่ก็กำหนดว่าคิดหนอ ๆ มีความอิ่มใจมาก บางทีเหมือนรู้วาระจิตคนอื่นค่ะ
ตอบ : สภาพจิตเริ่มอยู่ในอุปจารสมาธิขั้นปลาย จะเกิดปีติสุขขึ้นมาจนเกือบจะทรงเป็นฌานแล้ว แต่ทางสำนักนั้นเขาจะไม่ให้ทรงเป็นฌาน เขาจะให้ทรงในขณิกสมาธิหรืออุปจารสมาธิเท่านั้น ก็เลยต้องสกัดด้วยคิดหนอ ๆ ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินไปมากกว่าจุดนั้นได้
ขั้นแรกที่ทำมีประโยชน์สำหรับคนหัดใหม่ แต่ถ้าต้องการตัดกิเลสจริง ๆ กำลังจะไม่พอตัดกิเลสเพราะสมาธิไม่ได้ลึกไปกว่านั้น
ถาม : บางทีไม่ได้กำหนดภาวะคิดหนออย่างเดียว ไปคิดถึงเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาค่ะ
ตอบ : นั่นเรียกว่าแหกคอกเขา ไม่ได้ไปตามเขา แต่แหกคอกแบบนี้ถูกแล้ว เพราะถ้าเราไม่ได้คิดให้เห็นในเรื่องความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขา การเข้าถึงวิปัสสนาญาณที่แท้จริงจะไม่มี
เราต้องเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นตามความเป็นจริงแล้วสภาพจิตยอมรับ ในเมื่อยอมรับแล้วก็ปล่อยวางว่าธรรมดาเป็นอย่างนั้น ตอนแรกที่ทำมีประโยชน์ก็ทำไปเถอะ
ถาม : มีอาการตัวโยกตัวโคลง สะบัดออกท่าฤๅษีดัดตน
ตอบ : พวกนั้นเป็นส่วนของปีติทั้งหมด พอเริ่มก้าวเข้าสู่อุปจารสมาธิจะเกิดปีติขึ้นมา จากนั้นจะเป็นความสุข ไม่อิ่มไม่เบื่อไม่หน่าย แต่ไม่เข้าไปถึงเอกัคตารมณ์เพราะต้องคิดหนออยู่เรื่อย
น่าเสียดายตรงที่ว่าการปฏิบัติสายพองหนอ ยุบหนอ ถ้าหากว่าคนที่ทำเข้าไม่ถึงจริงก็จะทำให้ติดอยู่แค่นั้น ไปต่อไม่ได้ เมื่อไปต่อไม่ได้ ไม่สามารถที่จะบอกทางต่อได้ เราก็เสียประโยชน์
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2011 เมื่อ 17:25
|