"เมื่อเราพิจารณาได้ ๔ อย่างตรงนี้แล้ว เมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขา ก็ทรงอารมณ์อันนั้น พยายามน้อมนำ ทรงอารมณ์อันนั้นไว้
แล้วเสร็จแล้วก็สวดมนต์ไหว้พระ ทำจิตให้ผ่องใส นึกถึงพระนิพพาน
เป็นการ build อารมณ์ให้มันง่ายหน่อย ในการเข้าสู่กระแสธรรมนั้น
แล้วก็ทรงอารมณ์จิต
เมื่อเข้าถึงอารมณ์พระนิพพานแล้ว ก็อาราธนาสมเด็จพ่อประทับตลอดทั้งวัน
แบบที่สอนไป เพราะวันนี้ ไม่รู้ลูกจะตายตอนไหน ถ้าตายแล้ว ลูกขอไปอยู่
กับสมเด็จพ่อที่เดียว
อ้าว.. พอตกดึก พอเรานอนแล้วตื่นมาตอนเช้า อ้าว..ยังไม่ตายนี่
อ้าว..วันนี้มันยังไม่ตาย ชีวิตยังอยู่อีกวันหนึ่ง อย่างนั้นก็ หนูจะทำความดี
ถวายเป็นพุทธบูชา อธิษฐานบุญตรงนี้ จะถวายสมเด็จพ่อทุกวัน
ถ้าตายเมื่อไหร่ ขออยู่กับสมเด็จพ่อที่เดียว วันนี้ขอเป็นวันสุดท้ายในการที่จะมีชีวิตอยู่
เพราะฉะนั้น วันนี้ทำให้ดีที่สุด อะไรที่ครูบาอาจารย์ท่านบอก
เอามารวบรวมอยู่ในอกในใจ พยายามทำให้ดีที่สุด อันนี้เรียกว่า
'ทำวันนี้ให้ดีที่สุด' ตามตำรับตำราจริง ๆ ไม่ใช่ตามตำราดารา
กินเหล้า เมากาม แล้วมาบอกว่า 'ทำวันนี้ให้ดีที่สุด' (ดัดเสียง)
คติของมัน (ทำเสียงดูแคลน) มันไม่ใช่
ภาพพจน์ อันนั้นคือภาพพจน์ ถือแก้วเหล้าแล้วบอกว่า ผมจะทำวันนี้
ให้ดีที่สุดครับ มันไม่ใช่"
ชอบเวลาที่หลวงพี่เอกพูดถึงสมเด็จพ่อค่ะ เวลาท่านพูด เหมือนท่าน
จูงมือเราขึ้นไปกราบสมเด็จพ่อด้วยกันกับท่านเลย ความนอบน้อม
เคารพต่อพระรัตนตรัยของหลวงพี่ มันล้นออกมาจากใจ จนแสดง
ออกมาทางวาจา และทางกายจนสามารถรับรู้ได้ โดยไม่ต้องตั้ง
อารมณ์ใจเพื่อรับรู้ในกระแสนั้นเลย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 22-09-2009 เมื่อ 11:40
|