หลวงปู่ดาบส สุมโน
อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย
วิธีปฏิบัติในนิโรธสัญญา หรือทำจิตให้ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน มี ๓ อย่าง
๑. โน้มใจเข้าหาความว่าง ด้วยการนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระมหาเมตตา พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ นำสัตว์ชี้ทางเข้าสู่พระนิพพาน เริ่มระลึกถึงความว่างเปล่าไม่มีอะไร ทั้งโลกอากาศว่างเปล่า ธาตุว่างอยู่รอบตัวเราเอิบอาบไปทั่ว เป็นธาตุอมตะโอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธาตุเบา ธาตุเย็น ธาตุสงบ ธาตุพอเพียง ธาตุแท้จริง
๒. ทำจิตว่างด้วยสลัดขจัดทิ้งความคิดไม่ดีไร้สาระออกจากจิต หรือปล่อยวางอารมณ์ดีชั่วทั้งปวงออกจากจิต ให้มีเพียงแต่คำว่า
"รู้" แต่ไม่นำเอามาคิดปรุงแต่งเป็นตัวเราตัวเขา เป็นแต่เพียงธาตุของโลก จิตเป็นธาตุเบาไม่เอาไปปนกับธาตุหนัก ๆ ของโลก กายก็เป็นธาตุของโลกไม่ใช่ของจิต แต่จิตก็เพียงให้รู้ว่าจิตมาอาศัยอยู่ในกายบ้านสมมติชั่วคราว ไม่เอามาปนกับจิต
จิตส่วนจิต กายส่วนกาย ไม่ใช่อันเดียวกัน มีกายแล้วจิตก็ทำเป็นว่าไม่มี เพราะไม่ช้ากายก็ตายสูญสลาย ไม่มีกายอีก เป็นของว่าง ๆ เพียรคิดสลัดกาย อารมณ์ทั้งหลายออกจากจิต จิตจะสะอาด ว่างจากกิเลสความผูกพันยึดมั่นกายเรากายเขา แต่ก็ยังคงทำหน้าที่การงานสังคมครบถ้วน จิตใจสะอาดผ่องใส ร่างกายก็ไม่มีโรคหรือโรคน้อยลง จิตก็จะแปรสภาพจากหนักเป็นเบา โปร่งสบาย จิตหยาบจะเป็นจิตละเอียดสะอาดผ่องใส ไม่มีความวุ่นวาย เป็นจิตสงบนิ่งมีปัญญาดี
๓. วิธีทำจิตสะอาดว่างจากกิเลสแบบให้สังเกตหรือ
จับดูอารมณ์ตามความเป็นจริง แต่ไม่ใช่ให้จับแบบยึดถือมั่น คือจิตมันชอบคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ คิดอะไรก็เอาเรื่องนั้นนั่นแหละมาพิจารณาดูให้ลึกและไกลออกไป ให้เห็นความไม่คงที่ จะเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดี สุขหรือทุกข์ก็เท่ากัน ไม่มีอะไรเป็นจริงเป็นจัง เป็นแก่นสาร ย่อมถึงความผันแปรดับสูญเสมอกัน
เงาในกระจกหรือเงาในน้ำมิใช่ของจริงฉันใด สัพพสังขารทั้งหมดก็ไม่ใช่ของจริงฉันนั้น หรือจะมองชีวิตทั้งหมดนี้เป็นเหมือนความฝันก็ได้ เพราะจุดจบชีวิตคือความตาย ความตายของชีวิตร่างกายของคนนั่นแหละ คือ การตื่นจากฝัน คือจิตออกจากร่างไปหาที่อยู่ใหม่ ที่อยู่ใหม่ของเราท่านเที่ยงแท้แน่นอน ไม่ยอมผันแปรอีกต่อไป คือ แดนอมตทิพย์พระนิพพาน