สูตร "ของใครของมัน" จ้ะ หลวงตากล่าวขึ้นเรื่องคิดเข้าสูตรนี้ตอนตอบคำถามที่มีน้องถามเรื่องความโกรธ
หลวงตาท่านจึงยกมรณานุสติมาเทศน์ รายละเอียดต้องรอแบบแสบ ๆ จาก"ตัวแสบ"
ที่ตอนนี้ "จำเป็น" ต้องมาเล่าเพราะมีเสียงหลวงตา ไม่อย่างนั้นอาจโดนรุม... อ้อนวอน
ช่วยน้องหยกหน่อย เพราะน้องขออนุญาตนำเสียงหลวงตาไปเผยแพร่ หลวงตาท่านเมตตาให้ถอดใจความ
เพราะหากฟังแต่เสียง ไม่เห็นท่าทางที่หลวงตาทำประกอบแล้ว อาจตำหนิหลวงตาได้

... "บรื๋อ"
โมทนาน้องเขาก่อนเข้าเรื่อง "คิดเข้าสูตร" อยากจะชวนท่านทั้งหลาย มาแบ่งปัน
การคิดเข้าสูตร คือ
คล้ายว่าเราโดนอะไรกระทบ ต้องคิดอย่างไรจึงไม่รับกระทบนั้นให้เป็นกิเลส
เข้าเป็นสูตรของเราไว้จนคล่อง (คิดทันกิเลส)
น่าจะคล้ายการท่องสูตรคูณแล้วคิดเลขเร็ว
(ขอออกตัวก่อนว่า คนชวนนี้ไม่เคยท่องสูตรคูณ... จึงชวน จะได้ฝึกคิดเข้าสูตร)
มาลองผูกสูตรสักเรื่อง ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น
คนขับรถปาดหน้า... โกรธ ?...คิด...
คนเจอกันทุกวันยังไม่สนใจทักทาย "ไอ้นี่มาจากไหน

ไม่รู้จักกัน เจอกันเดี๋ยวเดียว จะมาทำให้เราโกรธได้"
ยังจะ...โกรธ...ก็มัน...ปาด...
"เขาจะรีบไปตาย ก็ปล่อยเขา" หรือ "เขาคงนัดยมบาลไว้ เดี๋ยวไม่ทัน"...
อาจจะฟังดูแรงไปสักนิด แต่ตอนผูกสูตรก็คิดเป็นพื้นฐานเสียก่อนว่า
ปล่อยเขาไปเขาก็ตายอยู่ดี โกรธเขาก็ชั่วที่เรา (รอท่านตัวแสบนะเรื่องนี้)
เอาเป็นว่าผูกประโยคหรือสูตรของเราไปพลาง พอให้เรานึกได้แต่ไม่ใช่ว่าด้วยความโกรธ
นั่งฟังธรรมกับพระ...ฟุ้ง ?...คิด...
"เป็นบุญจริงหนอ"

ได้เกิดมาเป็นคน เป็นพุทธศาสนิกชน ยังได้นั่งฟังพระเทศน์อยู่อย่างนี้
(ติดใจวิธีนี้ ที่ได้มาจากหลวงพ่อสมเด็จ เพราะเวลาฟุ้งมาก ๆ กดด้วย พุทโธกับลมหายใจ ไม่อยู่)
หากยังฟุ้งต่อ...ต้องนี่เลย...
"ไอ้ควาย"
มีบุญส่งมาจนได้มานั่งฟังธรรมอยู่อย่างนี้ ยังจะโง่ต่ออีก
(ศัพท์นี้ไม่ใช่คำหยาบสำหรับตัวเอง เพราะจำติดมาจากเรื่องเล่าของหลวงตา จึงถือเป็นศัพท์สูงใช้เตือนตัวเอง)
โลภมากอยากได้เงินทองแบบ "รวยเละ"...คิด...
"จะเก็บไปใช้ถึงชาติหน้าหรืออย่างไร"
ที่จริงจะบอกว่า ไปท่องคำเด็ดครูบาอาจารย์ที่ "โดนใจ" ตรงกับกิเลสเราเอาไปคิดเป็นสูตรของเราดีที่สุด เช่น
"มารดลใจ...ก็เพราะเราโง่มาก ถ้าเราชั่วน้อย เขาก็ดลใจได้น้อย"