ดูแบบคำตอบเดียว
  #82  
เก่า 26-10-2011, 16:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,385
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,236 ครั้ง ใน 35,988 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านเป็นนักเทศน์ เขาจะมีการเทศน์ประลองปฏิภาณไหวพริบกัน อย่างเช่นเมื่อก่อนเขาทอดกฐินกันทางน้ำ จะมีการแห่กฐินกันเสียงดังอีโล้งโช้งเช้งทางลำน้ำ ใครได้ยินเสียงอยากจะทำบุญกฐินก็มาดัก โบกผ้าขาวม้าไปมา แล้วทำบุญด้วยข้าวสารอาหารแห้งบ้าง หรือเงินบ้าง

มีโยมคนหนึ่งเป็นชาวประมงน้ำจืด กำลังหาปลาอยู่ ปรากฏว่าปลากะโห้ติดเบ็ด ปกติปลากะโห้จะมีขนาดใหญ่มาก น้ำหนักประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ กิโลกรัมเป็นเรื่องปกติ ปลากะโห้ก็ลากเบ็ดไป เรือก็วิ่งตามปลาที่ลากไปทั้งลำ โยมเขาก็เอาสองมือยื้อเบ็ดไว้ ผ้าขาวม้าก็ลื่นหลุด ไม่มีเวลาผูกจะมัดผ้าขาวม้าให้ดี ผ้าขาวม้าจึงสะบัดลมพั่บ ๆ ไปเหมือนธง แกลลอนหรือกระป๋องน้ำที่เตรียมเอาไว้วิดน้ำในเรือ พอโดนเรือลากก็กลิ้งกระทบซ้ายขวา ดังโคล้งเคล้ง ๆ ไปตลอดทาง ผ่านบ้านคุณยายคนหนึ่ง คุณยายเห็นก็นึกว่าขบวนกฐิน จึงยกมือขึ้นสาธุ..!

นักเทศน์ถามว่า คุณยายท่านนั้นได้บุญหรือได้บาป ? คือเขากำลังทำบาปแล้วไปโมทนา จะได้บุญหรือบาปกันแน่ ? นักเทศน์สมัยก่อนเขาเล่นกันอย่างนี้เลยนะ ถ้าไม่แม่นประเด็นจริง ๆ ตายคาธรรมาสน์แน่นอน..! สรุปว่าโยมที่ตั้งใจโมทนาได้บุญกฐินไปเต็ม ๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาตกปลา คิดว่าเป็นขบวนเรือกฐิน เป็นการตั้งใจโมทนาความดี ไม่ใช่โมทนาความชั่ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-10-2011 เมื่อ 17:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา