พระอาจารย์กล่าวว่า "ครูบาวิฑูรย์แลดูแข็งแรงแล้ว ฟื้นตัวได้เร็ว คนหนุ่มได้เปรียบ ถ้าอาตมาโทรมขนาดนั้นคงร่วงไปแล้ว"
ถาม : ครูบาไม่ได้ฉันอาหาร ๗ วัน โทรมมากเลยหรือคะ ?
ตอบ : ครั้งนี้ท่านเข้ากรรมฐาน ๙ วัน พอออกมา กำลังจะทรงกายยังไม่ค่อยจะมีเลย ดูท่าก็รู้ บอกให้คนเอายาดมให้ก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวท่านจะเป็นลม
เวลาอยู่ในสมาธิจะไม่เป็นอะไร แต่พอออกจากสมาธิมา อาการเวทนาทุกอย่างจะรับรู้หมด อย่างตอนที่อาตมาเข้ากรรมฐานอยู่สามวัน พอคลายกำลังใจออกมา ในท้องอย่างกับไฟไหม้เลย แสดงว่าร่างกายหิวมาก แต่ตอนที่อยู่ในสมาธิเราไม่รับรู้
เรื่องอย่างนี้ถ้าคนไม่ชำนาญจริง ๆ จะไม่สามารถประคองตัวจนงานเลิกได้ จะเสียภาพพจน์ เพราะกำลังใจเวลาคลายออกมา จะคลายหมดเลย ถ้ารู้ว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว ร่างกายจะไม่เอากับเราเลย สั่งอย่างไรก็ไม่เล่นด้วยแล้ว ก็หงายแผ่ขายหน้าชาวบ้านเขา อย่างอาตมานี่ไปนอนแผ่ลับหลังดีกว่า ต่อหน้าคนอื่นต้องทำเก่งไว้ก่อน
ถาม : ถ้าอยู่ในธรรมปีติ คืออยู่ด้วยกำลังสมาธิ ?
ตอบ : ถ้าอยู่ด้วยธรรมปีติ ไม่ใช่กำลังสมาธิอย่างเดียว ธรรมปีติจะอาศัยสภาพของสมาบัติปรับร่างกายไปด้วย จะดึงธาตุดินน้ำลมไฟรอบข้างไปใช้งานเอง เป็นการกินเป็นปกติ แต่กินทางผิวหนัง ไม่ได้กินทางปากเท่านั้น อธิบายไปก็บ้า เพราะคนฟังทำไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2011 เมื่อ 16:20
|