การสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั้นสำคัญมาก เนื่องจากว่าพวกเราที่ปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบันนี้ พอถึงเวลาเลิกปฏิบัติไป ก็ปล่อยให้กำลังที่ตนเองสั่งสมมาได้นั้น สูญสิ้นไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจอยู่เสมอ
ตาเห็นรูปก็ไปยินดียินร้ายกับรูป หูได้ยินเสียงก็ไปยินดียินร้ายกับเสียง เป็นต้น ทำให้กำลังที่เราสะสมได้มาในระหว่างที่ปฏิบัติ นำไปใช้ในการยินดียินร้ายกับสิ่งเหล่านี้ กำลังจึงหมดไปอยู่เรื่อย ทำให้มีต้นทุนไม่พอที่จะต่อสู้กับกิเลส องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์จึงได้แนะนำพวกเราว่าให้สำรวมอินทรีย์ คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของพวกเราไว้ให้ดี
นอกจากจะเป็นการสั่งสมกำลังของตัวเองเอาไว้ไม่ให้สูญเสียไปแล้ว ยังเป็นการป้องกันไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นได้อีกด้วย พระองค์ท่านตรัสว่า ถ้าเราปฏิบัติในข้อแรกคืออินทรีย์สังวรนี้ได้ ก็ถือว่าปฏิบัติได้ถูกต้องไม่ผิดพลาด
ข้อที่สองคือ โภชเนมัตตัญญุตา แปลว่า รู้จักประมาณในการกิน ไม่เลือกกิน กินพอดี พอเหมาะ พอควรกับธาตุขันธ์ของตน ถ้าถามว่าเท่าไรจึงจะพอดี ก็ต้องเอาอย่างที่ผู้รู้บางท่านได้แนะนำไว้ว่า ตอนเช้ากิน ๓ ส่วน ตอนกลางวันกิน ๒ ส่วน ตอนเย็นกิน ๑ ส่วน ก็ถือว่าเรารู้จักประมาณในการกิน
แต่สำหรับนักปฏิบัติแล้วก็ถือว่าตอนเช้ากิน ๒ ส่วน กลางวันกิน ๑ ส่วน ตอนเย็นไม่กินเลยก็ได้ นี่เป็นการประมาณในการกินของตนเอง ด้วยการจำกัดให้สภาพร่างกายของเรารับเอาอาหารการกินลงไปแค่พอยังอัตภาพไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเท่านั้น ไม่ได้กินเพื่อความอ้วนพีของร่างกาย ไม่ได้กินเพื่อความผ่องใสของผิวพรรณ ไม่ได้กินเพื่อไปกระตุ้นกิเลสให้เกิดขึ้นโดยการหาสิ่งบำรุงต่าง ๆ มากิน เป็นต้น
ในข้อนี้เรายังต้องแฝงเอาไว้ด้วยการปฏิบัติในอาหาเรปฏิกูลสัญญา ก็คือพิจารณาอาหารเป็นปกติว่า มีพื้นฐานมาจากความสกปรก เรากินเข้าไปหรือไม่กินเข้าไปเราก็ตายแน่นอน แต่ที่เรากินเข้าไปก็เพื่อระงับความกระวนกระวายของร่างกาย เพื่อให้สามารถที่จะใช้ร่างกายปฏิบัติธรรมในส่วนที่ตนเองต้องการได้ เราจะไม่เลือกกิน ไม่ใช่ว่าที่ไหนเขาบอกว่าดี เราก็เสาะแสวงหา ตะเกียกตะกายไปหามากินให้ได้ ถ้าอย่างนั้นเรียกว่าไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา
การที่เราจำกัดเรื่องการกินนั้น ก็เพราะว่าถ้าร่างกายหนักไปด้วยอาหารก็จะง่วงซึม ทำให้ภาวนาไม่ดี ถ้าร่างกายปลอดโปร่งจากอาหาร เลือดลมเดินสะดวก การภาวนาจิตก็จะทรงตัวตั้งมั่นได้ง่าย และโดยเฉพาะว่าถ้าเราเว้นจากอาหารมื้อค่ำ ก็จะทำให้เราปราศจากความกังวล ไม่ต้องเสียเวลาไปเสาะแสวงหามาอีก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่าถ้าหากว่าเราปฏิบัติในโภชเนมัตตัญญุตา ก็เรียกว่าเราปฏิบัติไม่ผิด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 02:18
|