ในส่วนของสมาธินั้น อยากจะบอกว่าพวกเราให้เวลากับสมาธิน้อยเกินไป ทั้ง ๆ ที่ถือว่าเป็นส่วนที่เกือบจะสำคัญที่สุด ปัญหาในการปฏิบัติเกือบทั้งหมดทั้งสิ้นของเรานั้น คำตอบอยู่ที่สมาธิแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ยกเว้นการใช้ปัญญาตัดกิเลสในช่วงสุดท้ายเท่านั้น เมื่อเป็นดังนั้น อยากจะให้ทุกท่านให้ความสำคัญและให้เวลากับสมาธิมากกว่าที่เป็นอยู่
ถ้าหากว่าเราภาวนาในช่วงเช้าครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง ต่อให้กำลังใจทรงตัวขนาดไหนก็ตาม กำลังก็ไม่พอที่จะรักษาใจของเราให้ทรงตัวอยู่ได้ครบทั้งวันอย่างแน่นอน เพราะว่าเราไปทำการทำงานก็ต้องกระทบกระทั่งกับบุคคลและอารมณ์ต่าง ๆ กำลังสมาธิก็จะคลอนจะแคลนไปเรื่อย ไม่ทันจะครบวันก็พังแล้ว
ถ้าหากว่าเราทำตอนเช้าชั่วโมงหนึ่ง ตอนเย็นชั่วโมงหนึ่ง ก็ถือว่าทำมากอย่างยิ่งในความรู้สึกของเรา แต่ว่าก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากว่าถ้าหากว่าไม่ใช่ผู้ที่คล่องตัวสามารถทรงฌานได้ทุกเวลาที่ต้องการจริง ๆ เมื่อถึงเวลาเผลอ สติสมาธิก็จะคลายตัวจนหมด
เพราะฉะนั้น..ตอนเช้าที่เราปฏิบัติแล้วกระทบอารมณ์ต่าง ๆ ก็ไปไม่ถึงเย็น ถ้าตอนเย็นเราปฏิบัติแล้วหลับ สติเผลอสมาธิก็คลายตัวหมด เมื่อเป็นดังนั้นโอกาสที่เราจะรักษากำลังใจของเราให้ผ่องใสตลอดเวลาก็เป็นไปไม่ได้ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็จะไม่มี
ดังนั้น..เราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเวลาในการปฏิบัติของเรา อย่างเช่นว่าภาวนาตอนช่วงเช้าจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็ให้พยายามประคับประคองกำลังใจให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ถ้ามีเวลาช่วงพักกลางวัน แอบไปภาวนาสัก ๕ นาที ๑๐ นาที ๒๐ นาที เพื่อรักษากำลังใจของเราให้ต่อเนื่องไว้ แล้วตอนเย็นเราก็มาทำต่อ
ถึงแม้ว่าไม่คล่องตัวถึงขนาดว่าจะรักษาเอาไว้ได้ตลอดเวลา แต่ตื่นเช้าขึ้นมาให้รีบทำให้ต่อเนื่องเข้าไว้ ก็ยังได้ชื่อว่ากำลังใจของเราเกาะอยู่ในด้านดี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:32
|