ถาม : หนูรู้สึกว่าเด็กเขาไม่ค่อยซาบซึ้งกับความรักความเมตตาของพ่อแม่ เวลาเขารับของจากพ่อแม่ เขาก็รู้สึกเฉย ๆ ชินกับการรับค่ะ หนูเลยบอกว่าต้องมองให้ลึกมากกว่านี้นะ ว่าทำไมเขาถึงเอามาให้เรา
ตอบ : คนอื่นเขาให้เราอย่างนี้บ้างไหมเล่า ?
ถาม : เขารู้สึกว่า เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องให้เขา
ตอบ : เข้าใจผิดแล้ว ถ้าเขาไม่ให้แล้วแกจะรอดไหม ? ตายไปตั้งแต่ไม่ทันจะรู้ภาษาแล้ว
ถาม : เขาไม่มองความรู้สึกคนอื่น ว่าทำไมต้องมาเอาใจเรา
ตอบ : เด็กสมัยใหม่ส่วนใหญ่จะเข้าใจอย่างนั้น ในเมื่อเข้าใจอย่างนั้นก็เลยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พอไม่ได้อย่างใจก็อาละวาด เรียนมหาวิทยาลัยปี ๒-๓ แล้วกระโดดตึกตาย อยากให้พวกที่กระโดดตึกตกลงไปแล้วไม่ตายสักที จะได้รู้ว่ารสชาติของชีวิตเป็นอย่างไร ต้องพิการไปตลอดชีวิต จะไปกระโดดใหม่ก็ไม่ไหว
ถาม : เด็กเป็นอย่างนี้เราต้องอาศัยการพูดบ่อย ๆ
ตอบ : จำเป็นมาก เพราะถ้าไม่ตอกย้ำบ่อย ๆ แล้วเขาจะไม่ซาบ ในเมื่อไม่ซาบ(ทราบ) โอกาสที่จะซึ้งก็ไม่มี ซาบกับซึ้งนี่ต่างกันนะ ซาบ(ทราบ)นี่รับรู้เฉย ๆ ซึ้งนี่เข้าใจเลย
ถาม : คิดไปคิดมา ก็เลยคิดว่าสิ่งที่พ่อกับแม่มีในชีวิตก็แค่เรา พ่อแม่มีแค่ลูกเท่านั้นที่เป็นดวงใจ ตระหนักขึ้นมาเอง เรามีความสุขจัง เราไปไหนเราก็มีความรักของพ่อแม่คุ้มครอง
ตอบ : เขาเรียกว่าบุญคุณของพ่อแม่ บุญคุณของพ่อแม่สามารถรักษาเราได้ โบราณเวลาเขาออกรบ เอาชายผ้าถุงแม่ไปชิ้นเดียวแล้วรอดกลับมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2011 เมื่อ 13:53
|