"ผ้าที่ได้มาชิ้นใหญ่บ้าง ชิ้นเล็กบ้าง ท่านออกแบบมามีทั้งใหญ่และเล็ก อย่างที่บอกว่ามี ๗ ขันธ์ มี ๙ ขันธ์ ก็คือ ถ้าอ้วนหน่อยก็ ๙ ขันธ์ ถ้าผอมหน่อยแค่ ๗ ขันธ์ก็พอ สำคัญตรงสีที่ย้อม พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตผ้าย้อมน้ำฝาด ก็คือ น้ำจากการต้มเปลือกไม้หรือแก่นไม้
พระอัญญาโกณฑัญญะท่านบวชตอนอายุมากแล้ว ไม่อยากยุ่งกับพระลูกพระหลาน ท่านจึงไปจำพรรษา ที่ฉัตทันตสระในป่าหิมพานต์ บริเวณนั้นไม่มีต้นไม้ที่จะนำแก่นหรือเปลือกมาทำเป็นน้ำฝาดย้อมผ้าได้ ท่านจึงไปขุดเอาดินลูกรังมาละลายน้ำ กรองเอาเฉพาะน้ำมาต้มและย้อมผ้า สีผ้าจึงค่อนข้างแดง
เมื่อถึงเวลาออกพรรษา ท่านก็มากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระลูกพระหลานเห็นเข้าก็นินทาว่า หลวงตาองค์นั้นมาจากไหนไม่รู้ ผอมจนเอ็นสะพรั่งไปทั้งตัว ห่มจีวรสีแดงอย่างกับเลือด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ยิน เกรงว่าลูก ๆ หลาน ๆ จะล่วงเกินแล้วจะเกิดโทษแก่ตนเองมาก จึงเสด็จมาตรัสถามว่า
"ภิกขเว...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอเห็นพี่ชายใหญ่ของเธอหรือไม่ ?" ท่านทั้งหลายทูลตอบว่า "ไม่เห็นพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสบอกว่า "หลวงตาที่ห่มจีวรสีแดงนั่นแหละ คือท่านอัญญาโกณฑัญญะ พระอรหันต์องค์แรกในพระพุทธศาสนา พี่ชายใหญ่ของพวกเธอ
ท่านอยู่ในเขตที่ไม่มีไม้จะทำน้ำฝาดมาย้อมผ้าได้ จึงใช้ดินลูกรังย้อมผ้ากลายเป็นสีนั้น" พระพุทธเจ้าจึงตรัสอนุญาตให้ภิกษุใช้ผ้าไตรจีวรสีเหลือง ซึ่งเป็นสีที่เกิดจากการย้อมด้วยน้ำขมิ้น สีกรักที่ย้อมด้วยแก่นขนุน และสีเจือแดงเข้ม ที่ย้อมด้วยสีลูกรัง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2011 เมื่อ 15:15
|