"เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์มารับเสด็จ ทูลเชิญพระพุทธเจ้าไปประทับที่ซึ่งดีที่สุด ก็คือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์นั้น กว้าง ๓๐ โยชน์ ยาว ๖๐ โยชน์ ถ้าพระอินทร์นั่งก็จะพอดี พระอินทร์ท่านคิดว่าพระสมณโคดมสูง ๘ ศอกของมนุษย์ ถ้าขึ้นไปนั่งบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็คงเหมือนแมลงวันเกาะอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่มีที่ใดเหมาะสมเท่ากับที่นั่นอีกแล้ว จะทำอย่างไรจึงไม่เป็นการหลู่พระเกียรติยศหนอ ? พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิด พอเสด็จไปถึง ประทับนั่งลงก็พอเหมาะพอดี ถึงได้บอกว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้
อีกรายหนึ่ง คือ อสุรินทราหู เป็นมหาอำมาตย์ยักษ์ ตั้งใจจะไปกราบพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่ได้ไปเสียทีเพราะร่างกายท่านใหญ่โตมโหฬารมาก อรรถกถาจารย์อธิบายว่า รอยต่อหว่างคิ้วกว้าง ๑ โยชน์ ท่านเกรงว่าถ้าไปแล้วต้องก้มดูพระพุทธเจ้าจะเป็นการไม่เคารพ
พระพุทธเจ้าทราบความคิดก็เลยเสด็จไปไสยาสน์ขวางทาง จนอสุรินทราหูต้องแหงนหน้ามอง เพราะฉะนั้น..จะมีพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูเป็นพระปางไสยาสน์แต่ลืมเนตร ส่วนไสยาสน์หลับเนตรแล้วซ้อนเหลื่อมพระบาทเป็นปางไสยาสน์ ถ้าไสยาสน์หลับเนตรพระบาทเสมอกันเป็นปางปรินิพพาน แยกให้ออกนะจ๊ะ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2011 เมื่อ 15:21
|