ดังนั้น..ถ้าหากว่าผู้ใดเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ สามารถที่จะทรงสมาธิได้ ก็สามารถที่จะระงับอาการทุกขเวทนาได้ สามารถที่จะมีปัญญาเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายนี้ได้ และท้ายสุด..ถ้าหากว่า สติ สมาธิ ปัญญาทรงตัว ก้าวถึงระดับจริง ๆ จิตใจก็จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หมดความอยากมีอยากได้ในร่างกายนี้
เมื่อหมดความอยากมีอยากได้ในร่างกายของตนเอง ก็จะหมดความอยากมีอยากได้ในร่างกายของคนอื่นด้วย หมดความอยากมีอยากได้ในโลกนี้ด้วย เพราะมองเห็นว่าร่างกายนี้มีแต่ความทุกข์ โลกนี้มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อนอยู่เสมอ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในร่างกายที่มีความทุกข์เช่นนี้ การเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป
เมื่อกำลังใจของเราตัดลงตรงจุดนี้ได้ ก็ส่งกำลังใจทั้งหมดของเราไปเกาะพระนิพพานแทน ถ้าหากว่าไม่สามารถจะส่งใจไปเกาะพระนิพพานได้ ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด ตั้งใจว่านั่นเป็นพระพุทธนิมิต เป็นรูปเปรียบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน เอาจิตสุดท้ายจดจ่ออยู่ที่ตรงนี้
ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจอยู่ ก็กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงหรือหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดใจรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปดิ้นรนอยากหายใจใหม่ และอย่าไปผลักไสให้อาการทั้งหลายเหล่านั้นผ่านพ้นไป เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้เท่านั้น
ถ้าหากว่าวางกำลังใจได้ถูกต้อง สภาพจิตจะก้าวขึ้นสู่สมาธิระดับที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป และท้ายสุดจะไปนิ่งสนิท สว่างโพลงอยู่ภายใน ซึ่งเป็นกำลังเต็มที่ของสมาธิของเรา ก็ให้เราใช้กำลังจุดนั้นเกาะพระนิพพาน ลำดับนี้ก็ให้ทุกท่านภาวนา พิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญานบอกว่าหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-07-2011 เมื่อ 14:58
|