ประการที่ ๒ เมื่อเราเข้าสู่สมาธิ จิตที่สงบลง ปัญญาเกิด จะทำให้เราเห็นทุกข์เห็นโทษในร่างกายนี้ ว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไปเป็นธรรมดา ก้าวเข้าไปสู่ความแก่ ความเจ็บไข้ได้ป่วย และท้ายที่สุดก็ถึงแก่ความตาย
หลายต่อหลายท่านที่ยังหนุ่มยังสาวอยู่ เลือดลมยังดี การเจ็บไข้ได้ป่วยมีน้อย เพราะสภาพร่างกายยังแข็งแรง อาจจะเห็นตรงนี้ไม่ชัดเจน ก็ขอให้ดูผู้อื่นที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นตัวอย่าง โดยใช้สติและปัญญากำกับไปว่า เราก็จะเป็นเช่นเดียวกันอย่างนั้น
ลำดับสุดท้ายก็คือว่า เมื่อปัญญาเกิด เห็นทุกข์เห็นโทษของร่ายกายที่เต็มไปด้วยเจ็บไข้ได้ป่วยนี้แล้ว ก็จะทำให้เบื่อหน่าย ความเบื่อนั้นเรียกว่านิพพิทาญาณ เป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าหลายต่อหลายคนจัดการกับความเบื่อไม่เป็น แทนที่จะเห็นธรรมดาแล้วปล่อยวาง กลับไปแบกเอาไว้ ซึ่งทำให้รู้สึกทุกข์ รู้สึกเครียดกับความเบื่อหน่ายต่าง ๆ เหล่านั้น
ความจริงเราแค่กำหนดรู้ว่า ธรรมดาของร่างกายเป็นอย่างนี้ ธรรมดาของการเกิดมาต้องกระทบกระทั่งกับเหล่านี้ ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อรับรู้แล้ว เราก็ปล่อยวาง ในเมื่อเกิดมาต้องเป็นอย่างนี้ ก็จงเป็นไปเถิด เราจะแก้ไขเท่าที่แก้ไขได้ แต่ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเพื่อมีสภาพเช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป ถ้าหากว่าตายจากอัตภาพร่างกายนี้แล้ว ที่เดียวที่เราปรารถนาก็คือพระนิพพาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2011 เมื่อ 10:08
|