ถาม : การทรงอารมณ์พระนิพพาน หรือขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นการตัดกิเลสหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มโนมยิทธิ ถ้าเราเห็นได้จะเป็นอุปจารสมาธิ ถ้าไปได้ถึงจะเป็นฌาน ๔ ถ้าไม่ใช่กำลังของฌาน ๔ ก็จะไปไม่ได้ ดังนั้น..บุคคลที่ทรงมโนมยิทธิ ถ้าเอากำลังใจเกาะพระนิพพานอยู่ได้ ก็จะเป็นการตัดกิเลสอัตโนมัติไปในตัว
อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเล่าถึงพระอรหันต์ ๗ องค์ทางภาคเหนือ ที่บอกว่ามีอยู่ ๔ องค์เคยฝึกมโนมยิทธิ อีก ๒ องค์ได้รับการบอกต่อจากเพื่อน อีก ๑ องค์ใช้วิธีเดียวกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ "ขี้ตรงร่อง"
วันหนึ่ง ๆ หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ท่านนั่งเอาใจเกาะพระบนนิพพานอย่างเดียว ไม่ทำอะไรเลย กลายเป็นพระอรหันต์ตอนไหนก็ไม่รู้ พอเกาะไปนาน ๆ แล้วกิเลสกินใจไม่ได้ ก็บริสุทธิ์เอง ลักษณะนี้ถ้าเป็นบาลีเขาเรียกว่า เจโตวิมุติ หลุดพ้นเพราะกำลังใจข่มกิเลสไว้ จนกิเลสเกิดไม่ได้ หมดสภาพไปเอง
ถ้าเป็นการพิจารณาวิปัสสนาญาณ เรียกว่าปัญญาวิมุติ ใช้ปัญญาพิจารณาจนสภาพจิตยอมรับและปล่อยวางได้ ดังนั้น..การใช้มโนมยิทธิจริง ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านหมายเอาสูงมาก หมายเอาให้พวกเราหลุดพ้นเข้านิพพานไปเลย
ถาม : นานไหมครับกว่าจะบรรลุมรรคผล ?
ตอบ : ถ้าเอาตามมหาสติปัฏฐานสูตรอย่างเร็ว ๗ วัน อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างช้า ๗ ปี ดังนั้น..ถ้าใครคลำมา ๗ ปีแล้วยังไม่เห็นหน้าเห็นหลัง ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่เลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2011 เมื่อ 16:10
|