คนอะไร ดันชื่อว่าตาราง
ที่มาของเรื่องนี้ เพราะ
เพื่อนผมท่านฝันไปว่า เพื่อนของท่านมีลูกสาว แต่งงานแล้วคลอดบุตรออกมาเขาตั้งชื่อว่าตาราง ก็นึกตำหนิเขาว่า คนอะไรดันตั้งชื่อหลานว่าตาราง ก็พอดีตื่นแล้วเอาความฝันนั้นมาพิจารณาว่า ความจริงก็ถูกนะ
ขันธ์ ๕ ไม่ว่าของใครก็เป็นตารางจองจำจิตที่เข้าไปอาศัยหรือเกาะติดอยู่ดี ยิ่งมีครอบครัว มีผัว มีเมีย มีลูก หลาน เหลน ก็ยิ่งติดตารางมากขึ้นถ้ายังเอาจิตไปผูกพัน
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีเมตตาตรัสสอนว่า
๑. “พิจารณาดูให้ดี
ขันธ์ ๕ จองจำเราหรืออารมณ์จิตจองจำเรา"
(ตอบว่า ในเมื่อยังปลดขันธ์ ๕ ไม่ได้ ก็ต้องถือว่าขันธ์ ๕ ยังจองจำเราอยู่ และเมื่อในขณะนี้จิตเรายังตัดสังโยชน์ ๑๐ ข้อไม่ได้ครบ ก็ชื่อว่าอารมณ์จิตของเราจองจำเราให้อยู่กับขันธ์ ๕ เราจึงถูกจองจำทั้ง ๒ กรณีพระพุทธเจ้าค่ะ)
๒. “ถูกต้องแล้วเจ้า จักว่ากรณีใดกรณีหนึ่งไม่ได้ เพราะเจ้ายังไม่ใช่พระอรหัตผล”
๓. “พิจารณาตารางเอาไว้ให้ดี
ให้มองขันธ์ ๕ ตามสภาวะของความเป็นจริง อย่าฝืนกฎของธรรมดา แล้วหมั่นแก้ไขอารมณ์ที่ถูกสังโยชน์จองจำเสียให้ได้ด้วยความเพียร อย่าท้อถอย แพ้แล้วตั้งต้นใหม่ ไม่ว่าอารมณ์ราคะหรือปฏิฆะต้องสู้ด้วยกำลังใจที่เต็มอยู่เสมอ” (ผู้ที่ไม่มีโรค สังโยชน์ ๑๐ ร้อยรัดใจไว้หรือพระอรหันต์เท่านั้น จึงจะเป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ เพราะท่านพ้นภัยตนเองแล้ว หรืออโรคยา ปรมา ลาภา นั่นเอง ภัยร้ายแรงที่สุดในการปฏิบัติธรรมก็คือ ภัยที่เกิดจากอารมณ์จิตเราเอง ทำร้ายจิตเราเอง ผู้ใดปฏิบัติได้ทรงตัวก็พ้นภัยตนเอง)
๔. “
วิริเยนะ ทุกขะ มัจเจติ บุคคลจักพ้นทุกข์ได้ด้วยความเพียร แต่ก็จักต้องรู้ว่าการทำความเพียรนั้น เป็นการทำความเพียรเพื่อละความทุกข์ หรือเป็นการทำความเพียรเพื่อเพิ่มทุกข์”
๕. “พวกเจ้าจักต้องหมั่นกำหนดรู้อารมณ์จิตของตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะ
ต้องถูกกระทบอยู่ด้วยอายตนะสัมผัสทางทวารทั้ง ๖ อยู่เสมอ อย่าปฏิบัติแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ชีวิตมันใกล้ความตายเข้ามาทุกวัน อย่าปล่อยให้อารมณ์จิตมันบกพร่องอยู่เช่นนั้น รู้แล้วให้รีบแก้ไขตนเอง จึง
จักปฏิบัติได้มรรคได้ผล”

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com