พระเจ้าปายาสิเชื่อว่าคนตายแล้วสูญ จึงสั่งให้นำคนมาชำแหละหาวิญญาณ ก็คือหาดวงจิต หาเท่าไรก็ไม่เจอดวงจิต พระกุมารกัสสปะจึงอธิบายโดยเปรียบว่า อาจารย์บอกลูกศิษย์ให้รักษากองไฟเอาไว้ ลูกศิษย์มัวแต่ไปเล่นกันจนเพลิน พอไฟดับ ทีนี้ไม่รู้วิธีจุดไฟ ก็เลยเอาขวานมาผ่าฟืนเพื่อหาไฟ เพราะไฟเกิดจากฟืน..ใช่ไหม ? แต่ไฟไม่ได้อยู่ในฟืน หาไปคงจะเจอหรอก
ตอนที่พระเจ้าปายาสิเปรียบเทียบได้เจ็บปวดที่สุด ก็คือ "ญาติมิตรสาโลหิตที่สนิทสนมกัน พอใกล้ตายโยมก็ไปสั่งไว้ว่า ถ้าตายแล้วลงนรกให้มาบอกด้วย แต่ไม่มีใครมาบอกเลย โยมจึงเชื่อว่าตายแล้วสูญ"
พระกุมารกัสสปะกล่าวว่า "ดูก่อนมหาบพิตร..ถ้ามีนักโทษอุกฉกรรจ์ที่ต้องนำไปตระเวนบก ตระเวนน้ำ อย่างละเจ็ดวัน เป็นการประจานความชั่วแล้วค่อยนำไปประหาร เขาขออนุญาตลากลับบ้านเพื่อไปบอกลูกบอกเมียก่อน พระองค์จะปล่อยไปหรือไม่ ?" พระเจ้าปายาสิบอกว่า "ปล่อยได้อย่างไร ? มีแต่ต้องเร่งประหารเท่านั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 02:38
|