ถาม : พวกบริวารที่ตามผมมา ไม่น่าจะมีนะ
ตอบ : เรายังต้องไปอีกไกล แต่ละชาติจะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ถาม : พวกที่ลาพุทธภูมิ เขาไม่ได้ตั้งใจหรือเตรียมตัวมาก่อน
ตอบ : มาเปลี่ยนใจทีหลังเยอะแยะไป พอเห็นอะไรดีกว่าก็ไปแล้ว แบบที่พระกุมารกัสสปะท่านเปรียบเทียบให้ฟัง ตอนแรกสองสหายไปเจออุจจาระแห้ง สองสหายก็โกยอุจจาระแห้งใส่ห่อทูนศีรษะไป เดินไปเจอเชือกปอ รายหนึ่งก็เทอุจจาระแห้งทิ้ง เอาเปลือกปอไป รายหนึ่งไม่ยอมทิ้งอุจจาระ ยังคงแบกไป
พอเดินไปอีกหน่อยเจอด้ายป่าน รายแรกทิ้งเปลือกปอมาเอาด้ายป่าน แต่อีกรายก็ยังประคองอุจจาระต่อไป เดินไปอีกหน่อยเจอผ้า รายแรกก็หอบผ้าไป ส่วนอีกรายยังยึดมั่นในห่ออุจจาระอยู่ จนกระทั่งไปเจอเงินเจอทอง อีกฝ่ายแรกก็เลือกเอา ส่วนอีกรายหนึ่งก็ยังคงแบกห่ออุจจาระไปเรื่อย
พระกุมารกัสปปะท่านเปรียบว่า พระเจ้าปายาสิเหมือนคนทูนห่ออุจจาระอยู่ ฝนตกไหลเลอะเปรอะเปื้อนอย่างไรก็ไม่ยอมทิ้ง เหมือนกับพระเจ้าปายาสิที่ไม่ยอมเลิกทิฐิ
พระเจ้าปายาสินั่งหัวเราะ ท่านบอกว่าจะเปลี่ยนใจตั้งแต่แรกแล้ว แต่ฟังพระคุณเจ้าเปรียบเปรยแล้วสะใจดี อยากฟังให้เยอะ ๆ เราลองไปดูในปายาสิราชัญญสูตรในพระสุตตันตปิฎก เป็นสูตรที่นักเทศน์หรือนักโต้วาทีควรจะศึกษาไว้ อีกอย่าง คือมิลินทปัญหา พระนาคเสนท่านตอบได้ฉะฉานแจ่มแจ้งจริง ๆ
ในชินบัญชรคาถา ท่านกล่าวถึงพระกุมารกัสสปะว่า กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก ผู้เป็นใหญ่ในการใช้วาทะอันวิจิตรพิสดาร ท่านเปรียบเปรยได้สุดยอดมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 02:35
|