เดือนก่อนไปวัดท่าซุง เจอเพื่อนรุ่นน้องที่เคยบวชอยู่ด้วยกันที่นั่น เพื่อนคนนี้มีคุณูปการมาก เพราะช่วงที่อาตมาบวชใหม่ ๆ ประมาณพรรษาที่ ๒-๓ มีแต่คนมาหาชนิดที่น่ากลัวมาก
ช่วงนั้นอาตมาทำหน้าที่รับโยมเข้าพัก ทุกคนที่มาวัด ถ้าไม่มีที่พักเฉพาะของตัวเองจะต้องผ่านมืออาตมาก่อน คนมาวัดเยอะแล้วดันทะลึ่งมาชอบใจอาตมา มาถึงแล้วไม่ยอมไปไหน ไล่ไปหาหลวงพ่อก็ไม่ไป บางคนถึงกับบอกว่า "ตั้งใจมาหาท่านเท่านั้น" อาตมาก็ซวยเท่านั้น มาวัดแล้วไม่ไปหาหลวงพ่อ หาเรื่องให้อาตมาโดนไล่ออกจากวัดแล้ว
พอดีพรรษานั้นท่านนันทชัย มาเกิด (ฉายา สุธมฺมเทวธมฺโม) บวชเข้ามา อาตมาเห็นหน้าก็รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันแน่นอน พระโพธิสัตว์แน่เลย วันนั้นนั่งทำวัตถุมงคลอยู่ด้วยกัน ก็คือ วัตถุมงคลของวัดท่าซุง บางส่วนก็ผลิตจากโรงงาน บางส่วนก็แรงงานพระผลิตกันเอง ทำกันไปก็นั่งคุยกันไป บอกท่านว่า "ผมเห็นหน้าคุณก็รู้ว่ามาสายพระโพธิญาณ ผมลาแล้ว..คุณจะลาไหม ?" ท่านบอกว่า เหมือนกับว่าทำงานบางชิ้นมาจวนจะเสร็จอยู่แล้ว อยู่ ๆ ให้ทิ้งงานไปท่านทำใจไม่ได้
เราบอกกับท่านว่า "ผมเองอยากลา แต่บริวารผมเยอะเหลือเกิน ดูท่าว่าเขาจะตามไม่ทัน ขอฝากท่านไว้ได้ไหม ?" ท่านตอบแบบไม่คิดเลยนะว่า "ได้..ขออย่างเดียว ถ้าหลวงพี่ไปสบายแล้วย้อนกลับมาช่วยผมบ้าง" อาตมารีบสาธุ ถ้าสบายแล้ว เรื่องอื่นเรื่องเล็ก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ คนที่มาสุดเหนือสุดใต้ที่เขามาหาอาตมา หายไปเลย กระแสขาดลงจริง ๆ เขาก็ต้องหันไปตามผู้นำคนใหม่ของเขา
เวลาที่วัดท่าขนุนจัดงานแต่ละครั้ง ที่โยมเห็นว่าคนเยอะแยะนั้น คนที่อาตมาต้องรับผิดชอบจริง ๆ มีไม่กี่คนหรอก นอกนั้นส่วนมากเป็นเด็กฝาก มีเด็กฝากของพระศรีอาริยเมตไตรย เด็กฝากของท่านปู่ท่านย่า ที่สำคัญที่สุด ไม่อยากรับไว้เลย ก็คือเด็กฝากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพวกนี้ขนาดพระองค์ท่านยังเข็นไม่ไป อาตมาจะไปเก่งกว่าท่านได้อย่างไร แต่ละคนสุดยอดจริง ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2011 เมื่อ 03:41
|