เนื่องจากมีคนพิการมาที่บ้านวิริยบารมี พระอาจารย์จึงกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ถ้าหากบุคคลพิการมีกำลังใจที่เข้มแข็ง เขาสามารถที่จะพัฒนาส่วนอื่นขึ้นมาใช้งานแทนได้ อย่างเด็กฝรั่งคนหนึ่งเกิดมาไม่มีแขนเลย แต่เขาใช้เท้าทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ โดยเฉพาะตอนกินไอศกรีมช็อกโกแลต น่าอิจฉามากเลย เขาใช้เท้าคีบ ดูแล้วมีความสุขมาก
ก่อนหน้านี้ก็มีคุณจุ๋ม คุณจุ๋มไปวัดท่าซุงเป็นประจำ นั่งรถเข็นไป เพราะเป็นโปลิโอมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดีมาก ร่าเริงเบิกบานได้ทั้งวัน เขาไม่รู้สึกว่าตนเองพิการเพราะไปไหนมาไหนได้
อย่างเวลาขึ้นรถสองแถว อาตมาก็คิดว่าเขาจะขึ้นได้อย่างไร ? แต่ที่ไหนได้ เขาใช้มือหนึ่งเหนี่ยวตัวเองขึ้นรถ ส่วนอีกมือหนึ่งหิ้วรถเข็นขึ้นตามไป เราเองมือเดียวไม่รู้จะยกไหวหรือเปล่า ? ตกลงเขาไม่ต้องพึ่งใครเลย ไปได้สบาย
การที่เราเกิดมามีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ ถือว่าเราสร้างกรรมดีแต่เดิมมาเพียงพอแล้ว จึงต้องใช้ให้คุ้มกับความดีที่เราทำมา อย่าเป็นอย่างที่โบราณเขาบอกว่า "เสียชาติเกิด" เกิดมาแล้วไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำความดียังพอทน กลับไปทำความชั่วอีกต่างหาก ถ้าอย่างนั้นกลายเป็นซ้ำเติมตัวเองมากขึ้น ชาติต่อไปอาจไม่ได้เกิดเป็นคน แต่ไปลงอบายภูมิแทน
เพราะฉะนั้น..แม้ว่าบุคคลสภาพร่างกายจะพิการ แต่ถ้าสภาพจิตมุ่งมั่นอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา เกิดใหม่เขาดีกว่าเราแน่นอน เรื่องเหล่านี้เราดูเปลือกนอกไม่ได้ ต้องดูใจเขา กำลังใจเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเราก็มานั่งตัดพ้อต่อว่าตัวเอง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ? เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ ทำไมเป็นแค่เราคนเดียว ? แบบนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2011 เมื่อ 03:31
|