"ดังนั้น..ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในมงคลสูตรว่า สิปฺปญฺจ เอตมฺมํคลมุตฺตมํ การมีศิลปะจัดเป็นมงคลสูงสุดอย่างหนึ่ง ศิลปะในที่นี้ นอกจากหมายเอาความรู้ความสามารถต่าง ๆ แล้ว ยังมีศิลปะในการดำเนินชีวิตด้วย เพราะถ้าไม่มีศิลปะในการดำเนินชีวิต บางทีก็ไม่ประสบความสำเร็จ 
  
สมัยก่อนตอนที่อาตมาไปกราบหลวงพ่อที่บ้านสายลม ไม่สนใจเรื่องงานเหมือนกัน บอกกับเจ้านายว่า ถ้าเห็นว่าผมผิดก็ไล่ออกไปเลย จนท้ายสุดเจ้านายเห็นว่าไม่ยอมลงให้จริง ๆ ก็ต้องใช้วิธีปรับงาน กลายเป็นว่าเจ้านายรู้กำหนดการงานของหลวงพ่อมากกว่าอาตมาเสียอีก เพราะเขาจะต้องจ่ายงานให้คุ้มกับที่อาตมาไม่อยู่ เขาจะรู้ว่าตอนนี้หลวงพ่อจะไปไหน ที่วัดมีงานอะไร ช่วงว่างเอ็งก็รับงานอ้วกไปแล้วกัน..!  
  
แต่อาตมาก็เต็มใจรับ เพราะว่าถึงเวลาจะไปก็ไปได้โดยสะดวก ความจริงสะดวกตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถึงท่านห้ามอาตมาก็ไม่ฟัง แปลว่าจะต้องยอมรับชะตากรรม ถ้าอะไรจะเกิดขึ้น เขาหมั่นไส้ไล่ออกก็คือต้องออก ต้องไปแบบไม่ตัดพ้อต่อว่า เพราะว่าเราผิดจริง ๆ แต่ตอนอยู่ก็ทำงานให้คุ้ม  
  
เพื่อน ๆ เขาถึงบอกว่า "มึงเก่งจริงกูไม่เถียง คนอื่นทำงาน ๔-๕ คนเท่ากับมึงคนเดียว แต่ทำไมมึงรู้อะไรแล้วต้องพูดด้วยวะ ?" ก็จริงของเขา นิสัยนี้ไม่ค่อยดี คนเขาจะเกลียดปาก พวกเราอย่าไปรุนแรงกับเจ้านายขนาดนั้นนะ เดี๋ยวเขาจะชอกช้ำเสียก่อน"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2011 เมื่อ 02:46
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |