"พระเรวัตตะเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ เจอใครที่เป็นศาสดาเจ้าลัทธิเก่ง ๆ หรือจอมโวหาร ก็ยกหลักธรรมพระพุทธเจ้าขึ้นไป อยู่ลักษณะโต้วาทีเอาชนะเขา พอชนะเขาได้ก็ยิ่งมีชื่อเสียงมาก แต่ว่ายิ่งมีชื่อเสียงมากก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่กำลังใจของตนต้องการ กำลังใจที่ตัวเองต้องการคืออยากแต่งงานกับลีลาวดี
ก็เลยตัดสินใจว่าจะสึกแล้ว เดินทางกลับเพื่อหาว่าลีลาวดีอยู่ที่ไหน ก็ไปเจอกันตรงประตูเมือง พระเรวัตตะก็แจ้งความประสงค์กับลีลาวดีว่าจะสึกแล้ว ลีลาวดีที่เป็นเด็กสาว อายุน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง บอกว่า "น้องชาย..ให้ตั้งใจปฏิบัติเถิด ธรรมะของพระบรมศาสดานั้นไม่เป็นหมันหรอก ใครปฏิบัติตามก็ได้ผลทั้งนั้น"
ลีลาวดีเธอเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว ก็เลยเรียกพระเรวัตตะว่าน้องชาย หักมุมเอวเคล็ดจริง ๆ อุตส่าห์ตามมาข้ามชาติข้ามภพ ท้ายสุดเห็นทุกข์ ปล่อยวางได้กลายเป็นพระอรหันต์ พระเรวัตตะที่ปฏิบัติต่อเนื่องอยู่ชาติเดียว ตามไม่ทัน
ตรงจุดนี้แหละ..ตอนที่พระเรวัตตะบวชแล้วกามราคะกำเริบ พระอาจารย์พาไปดูซากศพในป่าช้า นั่งพิจารณาไปแล้วพระเรวัตตะก็ได้คิด ธรรมโฆษเขาเขียนเป็นกลอนว่า
นารีจะดูงาม..............ก็เมื่อยามที่ยังเยาว์
แก่แล้วก็เหี่ยวเฉา.......บ่มีส่วนจะพึงชม
ดุจปวงบุปผชาติ.........งามวิลาศน่าเด็ดดม
แรกบานก็งามสม.........แต่บ่นานก็โรยรา
เขามัวบรรยายในลักษณะนี้ ภาคหนึ่งจึงหมดไปตรงลีลาวดีป่วยตาย ตรอมใจตาย
เราจะเห็นอยู่อย่างหนึ่งว่า พระเรวัตตะพยายามหนีตัวเองสุดชีวิต พูดง่าย ๆ คือหนีกิเลส ท้ายที่สุดหนีไม่พ้น ยอมกลับไปเป็นทาสกิเลสใหม่ ปรากฏว่ากิเลสไม่ใช่กิเลสแล้ว ตัวกิเลสกลายเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2011 เมื่อ 17:30
|