เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเที่ยวอินโดนีเซีย ได้ไปพักที่เขาสมาลัง
เป็นภูเขาไฟควันตลบอยู่บนยอดเขา เขาเรียกว่า เขาคิชฌกูฏ
ตอนเช้าและตอนบ่ายจะเห็นควันโขมงอยู่บนยอดเขา เชิงเขาจะมีลาวาเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
ไม่ทราบว่ากี่พันกี่หมื่นปีมาแล้วที่เป็นอยู่เช่นนี้
เย็นวันหนึ่งมีคนมาหาที่วัด แล้วพูดเรื่องภูเขาและเรื่องที่เขาไปภาวนา
อยู่ในป่าแห่งหนึ่งข้างทางที่เขาชี้ให้ดูนั่นเอง
เขาบอกว่า แบกกล้วยไปเครือหนึ่งหวังว่าจะกินวันละลูก ร้อยวันก็หมดพอดี
แล้วเขาก็นั่งภาวนาอยู่แถวนั้น ทีแรกก็กลัวสัตว์ร้ายมี งู เสือ หมี เป็นต้น
แต่ภาวนามาได้ ๒-๓ วัน สัตว์เหล่านั้นก็มาหายั้วเยี้ยเลยไม่กลัว
เห็นเป็นมิตรสหายอันดีต่อกัน เขาไม่ได้บอกว่านะไปอยู่ป่ากี่วัน
และไม่ได้บอกลูกเมียทางบ้านให้ทราบด้วย
เขาภาวนาเป็นเวลานานพอสมควร จึงได้กลับเข้าไปบ้าน
มองเห็นบ้านและลูกเมียเป็นอะไรไม่ทราบ คิดกลัวไปหมด
อยู่มาราว ๓-๔ วัน สัญญาอันนั้นก็กลับเข้ามาเห็นลูกเมียเป็นปกติ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
|