อาตมาเองก็เคยไปสนุกอยู่กับเขา ๓ - ๔ ปี ใครถามอะไรก็ดูให้ตอบให้เขาหมด พอดีวันนั้นทำงานที่บ้านสายลม หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าบุคคลที่ได้วิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ถ้ายังไม่ใช่พระอริยเจ้าก็ยังแช่อยู่ในนรกทั้งตัว..!
อาตมาได้ยินนี่เหงื่อหยดติ๋งเลย ก็ตัวเองยังไม่ได้ขนาดนั้นแล้วไม่จมนรกมิดหัวเลยหรือ ? หลวงพ่อท่านก็บอกต่อไปว่า บุคคลที่จะพ้นนรกได้ อย่างน้อยต้องเกาะความเป็นพระโสดาบันให้ได้ แล้วท่านก็อธิบายให้ว่า พระโสดาบันต้องเคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพพระธรรมจริง ๆ เคารพพระสงฆ์จริง ๆ คำว่าจริง ๆ ก็คือไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ต้องมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์ คำว่าศีลบริสุทธิ์ก็คือไม่ละเมิดศีลด้วยตัวเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นเขาทำ แล้วท้ายที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าตายแล้วเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้ได้ คือเป็นพระโสดาบันได้ ถึงจะรอดจากอบายภูมิ ตั้งแต่นั้นมาอาตมาที่เหมือนกับคนหลับอยู่แล้วหลวงพ่อปลุกให้ตื่นขึ้นมารู้ว่าตกอยู่ในอันตราย ก็โกยสุดชีวิตเลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่เป็นขี้ข้าดูให้ใครอีกแล้ว มัวแต่ไปเพลินอยู่ ถ้าไปตายตอนนั้นเราก็ขาดทุนย่อยยับ..!
ถาม : ภาวนาพุทโธบ้าง นะมะพะธะบ้าง แต่พุทโธภาวนาแล้วไม่นิ่ง
ตอบ : สิ่งไหนเหมาะสำหรับเราให้ทำสิ่งนั้น โดยเฉพาะกรรมฐานอย่าเปลี่ยนกองบ่อย นอกจากว่าเราทำกองนั้นได้แน่นอนแล้ว จะขยับไปกองอื่นก็ไม่ว่า แต่ก่อนจะขยับไปกองอื่น ให้ซ้อมของเดิมให้คล่องตัวก่อนแล้วค่อยขยับไป อย่างเช่นว่าเราใช้พุทธานุสติ จะใช้อุปสมานุสติก็ขึ้นด้วยพุทธานุสติให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยขยับไป
ถาม : พุทโธกับนะมะพะธะ ภาวนาแล้วมีผลเหมือนกันหรือไม่ ?
ตอบ : คนละเรื่องเลย พุทโธเป็นสายสุกขวิปัสโก นะมะพะธะเป็นสายอภิญญา แต่ถ้าหากคนมีพื้นฐานมาก่อนแล้ว เมื่อทำไปถึงท้ายสุดก็เหมือนกัน แต่ตอนแรกจะไม่เหมือนกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2011 เมื่อ 03:40
|