ประโยชน์ของอรูปฌาน 
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑.	“อรูปฌานใช้ให้เป็นจักมีประโยชน์มาก คือ มีไว้แต่ไม่ติดอยู่ตามนั้น”
๒.	“
มีอรูปฌานไว้เป็นอาวุธต่อสู้กับเวทนาของร่างกาย ถ้ารู้จักเพิ่มเติมวิปัสสนาญาณอีกเล็กน้อย ปัญญาก็จักแหลมคม ห้ำหั่นกิเลสได้อย่างมีกำลัง”
๓.	“อย่าทิ้งอารมณ์อรูปฌาน ทุกอย่างรู้จักใช้ก็เป็นของดีหมด มีประโยชน์ทั้งหมด ในทุกสิ่งที่ตถาคตเจ้าได้บัญญัติเข้าไว้”
๔.	“
ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงบัญญัตินั้น ๆ ก็ย่อมยังไม่เห็นประโยชน์ของบัญญัตินั้น ๆ จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จักไปวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่ารูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี หรือแม้แต่ธรรมในหมวดต่าง ๆ หากยังไม่รู้คือยังเข้าไม่ถึง ก็ยังไม่พึงติเตียนธรรมนั้น”
๕.	“เช่นเรื่องธุดงค์ก็เหมือนกัน พระบัญญัติเกี่ยวกับอรัญวาสี ธุดงควัตรมีมาในพระพุทธศาสนาทุก ๆ พุทธันดรเป็นของดี เป็นของประเสริฐ สามารถนำไปปฏิบัติแล้วตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานได้เป็นอย่างดี แต่ธุดงค์นี้ก็เหมาะสมสำหรับผู้ชอบบำเพ็ญเพียรประกอบกิจสมถธรรมอยู่ในป่า เป็นบารมีธรรมของผู้รักสงบ สันโดษ”
๖.	“อุปนิสัยของคนมีปกติอยู่ ๒ อย่าง บางคนชอบอยู่เมือง บางคนชอบอยู่ป่า ดังนั้น เมื่อบวชเป็นภิกษุเข้ามาในพระพุทธศาสนา ใครใคร่อยู่ในเมืองก็อยู่ ใครใคร่อยู่ป่าก็อยู่ ทำได้ตามอัธยาศัย 
ประโยชน์เกิดที่ตรงว่าเมื่ออยู่ตามที่ชอบใจ จิตย่อมมีความสบาย มีอารมณ์แจ่มใส ปฏิบัติธรรมก็ได้ผล”
๗.	“อย่าลืม 
ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีประโยชน์ ที่ว่าไม่มีประโยชน์ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์ของเขาต่างหาก”
๘.	ทรงตรัสสอนธรรมแถมท้าย เรื่องกฎของกรรมว่า
- ๘.๑   “เห็นกฎของกรรมแล้ว ให้เคารพกฎของกรรมด้วย แล้วจงหมั่นพิจารณาเห็นทุกข์อันสืบเนื่องจากกฎของกรรมนั้น จงเพียรเป็นผู้ตัดกรรม อย่ากระทำตนเป็นผู้ชอบต่อกรรม”
 
- ๘.๒  “การต่อกรรมมี ๓ ประเภท คือ ต่อด้วยมโนกรรม-วจีกรรม-กายกรรม ยิ่งต่อยิ่งทุกข์ ทุกข์เพราะอุปาทานปรุงแต่ง คิดว่าสิ่งที่ต่อกรรมนั้นเป็นของดี ทั้ง ๆ ที่เป็นความเลว ความเลวนั้นใครไม่จำเป็นต้องสร้างให้ เราผู้เดียวเป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้น ถ้าหากหมดการต่อกรรมเสียแล้ว กฎของกรรมนี้ก็จักไม่เกิดขึ้นแก่เรา”
 
- ๘.๓  “พระอรหันต์ จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ต่อกรรมด้วยเหตุอันนี้”
 
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ 
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่  
www.tangnipparn.com