ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 24-05-2011, 18:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,572 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่สอง คือวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยไม่เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัย อย่าให้มีขึ้นในจิตในใจของเรา เราเองเกิดมาจนบัดนี้ สร้างความดีมาจนบัดนี้ ขึ้นชื่อว่าความลังเลสงสัยนั้นมีน้อยมากแล้ว ถ้าหากว่าเราลังเลสงสัยเราก็ไม่เข้ามาปฏิบัติอย่างนี้

เมื่อเป็นดังนี้ก็ฉวยกำไรตรงนี้เอาไว้ โดยการทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้แน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ประการสุดท้ายคือ สีลัพพตปรามาส การรักษาศีลอย่างไม่จริงไม่จัง การที่เราจะรักษาศีลนั้น นอกจากไม่ละเมิดศีลด้วยตัวเองแล้ว ยังต้องไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ละเมิดศีลไปแล้ว พูดง่าย ๆ ว่าเรายอมให้ตัวตายดีกว่าศีลขาด

ถ้าทุกท่านสามารถทำดังนี้ได้เป็นปกติ ก็แสดงว่าท่านสามารถที่จะยึดหัวหาด ก็คือก้าวแรกของการเข้าสู่พระนิพพานได้ นั่นคือความเป็นพระโสดาบัน

ลำดับต่อไปเราก็ก้าวขึ้นสู่ความเป็นพระสกทาคามี ก็คือการที่เราพิจารณาละรัก โลภ โกรธ หลงของเราให้น้อยลง ด้วยการควบคุมทั้งวาจาและใจของเราไปด้วย วาจานอกจากไม่พูดโกหกแล้ว ยังไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์

ใจของเราไม่โลภอยากได้จนเกินพอดี ต้องการสิ่งใดก็หามาให้ถูกต้องตามศีลตามธรรม ไม่อาฆาตพยาบาทผู้อื่น สามารถที่จะโกรธได้ แต่โกรธแล้วให้ลืมเสีย อย่าเก็บเอาไว้ในใจ และท้ายสุดมีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิ ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น เราตั้งใจทำตามด้วยความเคารพ และที่สำคัญคือรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-05-2011 เมื่อ 19:41
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา