คุณไสยไม่มีหมดไปจากโลกนี้ได้หรอก
 
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้
 
๑. “
เรื่องคุณไสยไม่มีหมดไปจากโลกนี้ได้หรอก เพราะเป็นกีฬาสมาธิที่คนมีมานะทิฏฐิคิดว่า ตนเองถ้าทำได้ผลก็เป็นคนเก่ง เมื่อคิดว่าเก่ง คิดว่าดี อวิชชานี้จึงยากที่จักหมดไปเสียจากโลก นี่เป็นกฎของธรรมดาอีกนั่นแหละ”
 
๒. “
เป็นธรรมดาของคนมิจฉาทิฏฐิเขาชอบทำกัน อย่าเอาจิตไปจับปฏิกิริยาของพวกนี้ก็แล้วกัน เพราะไม่มีประโยชน์ ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน”
 
๓. “จงอย่าวิตกในเรื่องนี้ เพราะท่านผู้เจริญกรรมฐานจักไม่มีเทวดาคุมเลยนั้น เป็นไปไม่ได้ มีทุกคน 
ถ้าบุคคลผู้เจริญพระกรรมฐานอยู่ในสัมมาทิฐิ (รักษาศีลด้วยในระหว่างเจริญพระกรรมฐาน) อย่างน้อย ๆ ก็มีเทวดาคุม ๑ องค์ แต่จักเป็นเทวดาชั้นไหนนั้น สุดแล้วแต่กรรมที่ผูกพันกับท่านแค่ไหน”
 
๔. “
เรื่องคุณไสย จึงเป็นกฎแห่งกรรม ซึ่งต่างคนต่างทำกันเอาไว้ในอดีตทั้งสิ้น เพราะเรื่องกฎของกรรมดีเป็นเรื่องคนชื่นชอบ อย่างอานิสงส์ของการทำบุญทุกคนยอมรับ 
แต่กฎของกรรมชั่วไม่ใคร่จักมีใครยอมรับ (เมื่อวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับตน) และเข้าใจตามกฎของกรรมซึ่งเที่ยงเสมอ และให้ผลไม่ผิดตัวด้วย จิตของคนทั่วไปเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น 
จักพูดอะไรเกี่ยวกับกฎของกรรม จักต้องคิดให้ดีเสียก่อน ให้ดูระดับจิตของผู้รับฟังเอาไว้ด้วย”
 
๕. “บางคนทำบุญไว้กับวัดท่าซุงมาก ขากลับจากวัดถูกคนทำร้าย มักจักคิดว่าทำบุญแล้วไม่ได้ผล พระไม่เห็นจักช่วยคุ้มครอง แต่จริง ๆ แล้วเป็นกฎของกรรม ให้ดูตัวอย่างพระโมคคัลลานะ ท่านเป็นอัครสาวกผู้มีฤทธิ์ กฎของกรรมยังพาให้ท่านถูกโจรทุบตามวาระกฎของกรรมนั้น ๆ แต่ก็เป็นเพียงเศษผลของกรรมในอดีตเท่านั้น นี่เป็นตัวอย่าง”
 
๖. “ท่านดีขนาดไหน ทำบุญมามากหรือไม่  ทำมานานเท่าไหร่   บุญ-บารมีจึงมาเป็นพระอัครสาวกฝ่ายซ้ายได้ ท่านยังหนีกฎของกรรมไม่พ้น แล้วเรา ๆ ท่าน ๆ จักหนีพ้นได้อย่างไร ให้เอาเรื่องของท่านเป็นเครื่องเตือนสติ 
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง และความตายไม่มีนิมิตเครื่องหมาย จักได้ไม่ประมาทในชีวิต”
 
๗. “
เรื่องบุคคลที่โดนคุณไสยก็เช่นกัน ล้วนเป็นกฎของกรรมที่ต่างทำกันมาในอดีตทั้งสิ้น ขอให้ใคร่ครวญด้วยปัญญา พิจารณาลงหาตัวธรรมดา หรือกฎของธรรมดาให้ได้ จิตก็จักเป็นสุข”
 
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ 
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
 
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ 
www.tangnipparn.com