เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔
ทุกท่านขยับตัวนั่งในท่าที่สบาย กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา อันดับแรกหายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อระบายลมหยาบทิ้งสัก ๒-๓ ครั้ง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้หายใจตามปกติ เพียงแต่เรากำหนดความรู้สึกตามเข้าไป กำหนดความรู้สึกตามออกมา ถ้าคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อใดก็ให้ดึงความรู้สึกทั้งหมดมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา จะใช้คำภาวนาหรือพิจารณาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัด
สำหรับวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานประจำเดือนพฤษภาคมวันสุดท้ายของพวกเรา เมื่อใช้คำว่าวันสุดท้าย ก็ขอให้พวกเราเข้าใจด้วยว่า การที่พวกเราดำรงชีวิตอยู่นั้น แม้แต่คิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายก็ยังเป็นความประมาทจนเกินไป เพราะวันหนึ่งมีถึง ๒๔ ชั่วโมง
จะว่าไปแล้วก็คือ ชีวิตของเรามีแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้าถ้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกถ้าไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใส ปฏิบัติตามธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ แปลว่าเราเป็นผู้ที่มีบุญญาบารมีมาเพียงพอต่อการไปพระนิพพานแล้ว
ถ้าหากว่าเราละทิ้งโอกาสนี้ไป ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่แน่ว่าเราจะได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาอีก ไม่แน่ว่าเราจะเกิดมาพบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีก และการเกิดแต่ละชาติล้วนเต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งสิ้น ดังนั้น..เราจึงต้องฉวยโอกาสในชาตินี้ ปัจจุบันนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ กอบโกยความดีใส่ตัวให้มากที่สุด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2011 เมื่อ 15:46
|