พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากถามญาติโยมทั้งหลายว่า สมัยก่อนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราทำไร่ทำนาอยู่ตลอดปี แต่ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปวัด อย่างเช่น พอไถหว่านดำนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องรอประมาณ ๔-๖ เดือน แล้วแต่ว่าเป็นข้าวหนักหรือข้าวเบา ช่วงนั้นก็จะเป็นฤดูงานบุญ เพราะคนว่างงานแล้ว
หลังจากเกี่ยวข้าว นวดเสร็จเรียบร้อย ก็ยังว่างอีกตั้ง ๓-๔ เดือน รอจนกว่าฝนใหม่มา ถึงจะได้ไถหว่านกันอีกครั้ง สมัยนี้เครื่องมือเครื่องไม้สะดวกขึ้น รถไถก็มี รถหว่านก็มี รถเกี่ยวก็มี รถดำนาก็มี แต่ทำไมคนจึงไม่มีเวลาเหลือเลย ? เคยคิดกันบ้างไหม ? หรือว่าอาตมาฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว ?
สมัยอาตมาเด็ก ๆ เวลาจะทำบุญ เขาต้องเดินกันข้ามทุ่งเพื่อไปส่งข่าวอีกหมู่บ้านหนึ่ง อีกตำบลหนึ่ง กว่าญาติพี่น้องจะรู้กันครบก็ใช้เวลาหลายวัน สมัยนี้ยกมือถือครั้งเดียวรู้ได้ทั่วโลกเลย แต่สมัยก่อนนั่นเดินกันเป็นวัน ๆ กว่าจะไปส่งข่าวได้ครบ บางทีต้องไปค้างบ้านเขาด้วยถึงค่อยกลับบ้าน หรือไม่ก็ขี่เกวียนกลับมา
สมัยนี้ถ้าไม่ยกหูโทรศัพท์ ก็บึ่งรถทีเดียวถึง แล้วทำไมคนจึงไม่มีเวลา ? สมัยก่อนเวลาเขาว่าง ไม่มีอะไรทำก็ตีไก่ กัดปลา ทำน้ำตาลเมา หมักสาโท ทำกระแช่กินกัน ถึงเวลาตำรวจหรือสรรพสามิตมาไล่จับก็วิ่งหนีกันอุตลุด..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2011 เมื่อ 17:37
|