อารมณ์สันโดษจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร
			 
			 
			
		
		
		
			
			อารมณ์สันโดษจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร  
 
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้ 
 
๑.	“คำว่าสันโดษนี้ ยังคนให้เข้าใจความหมายพลาดไปเป็นอันมาก มักจักเข้าใจว่าการอยู่ในที่สงบตามลำพัง ปราศจากคนพูดหรือสิ่งกระทบรบกวนเป็นสันโดษ นั่นเป็นเพียงกายวิเวก แต่จุดมุ่งหมายจริง ๆ ของพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย ที่ได้อบรมให้พระสาวกรู้จักคำว่าสันโดษนั้น คือ วิเวกทั้งกาย วาจา ใจ” 
 
๒.	“การมีศีลคุมกายให้วิเวก ไม่ว่าอยู่ในถิ่นที่ทุรกันดาร ถิ่นที่เจริญรุ่งเรืองด้วยบ้านและผู้คนร้านค้า อาคารใหญ่โต ถิ่นที่ลับตาคน เช่น ป่าเขาลำเนาไพร ในถ้ำ ในคูหา กายของพระสาวกจักสงบ ไม่มีการล่วงละเมิดศีล ไม่ทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าคนหรือสัตว์ วัตถุธาตุต่าง ๆ ด้วยเหตุแห่งการละเมิดศีลนั้น นี่คือกายสันโดษเป็นลำดับต้น ไม่ว่าในที่ลับหรือที่แจ้ง พระสาวกย่อมมีกายวิเวกเป็นปกติ” 
 
๓.	“ลำดับกลาง คือ วจีวิเวก นี่วาจาสันโดษ คำพูดในที่นี้คือ สงบทั้งทางปากและเสียงพูดทางใจด้วย คือไม่ละเมิดทั้งวจีกรรม ๔ สถาน ในกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการ คือ สงบจากการไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดนินทาและไม่พูดเพ้อเจ้อ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ไม่ว่าจักอยู่คนเดียวหรืออยู่ในที่สาธารณชน ในหมู่สัตว์ที่ไม่มีคน พระสาวกที่รักสันโดษจักสงบปากคำ อันเป็นวจีวิเวกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจักเป็นยามหลับหรือยามตื่น วจีกรรมจักไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น คน สัตว์ วัตถุธาตุต่าง ๆ เป็นอันขาด” 
 
๔.	“สงบในอันดับสุดท้าย คือ จิตสันโดษ อารมณ์วิเวกโดยแท้ ไม่ต่อกรรมกับอารมณ์เลวร้ายที่เข้ามากระทบทั้งปวง เห็นธรรมดาในธรรมดา จนจิตชินในธรรมดานั้น ๆ อยู่เป็นปกติ จิตสันโดษแม้ไปอยู่ในหมู่คนมาก ก็เห็นธรรมดาในหมู่คนมากนั้น คนไม่มีศีลก็เป็นคนไม่มีศีลอยู่ตามปกติ คนไม่มีธรรมก็ไม่มีการประพฤติธรรมอยู่ตามปกติ เห็นหมดตลอดในธรรมทั้ง ๓ ประการ คือ อกุศล กุศล อัพยากฤต เห็นปกติธรรมจิตก็สงบ ไม่มีอารมณ์ดิ้นรนหรือฝืนกฎของธรรมดา นี่แหละคือจิตสันโดษ สงบได้จริง ๆ จักต้องถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา”
		 
		
		
		
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 11-05-2011 เมื่อ 14:20
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |